อดีตกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ระบุ หากรัฐเรียกเก็บภาษีค่าน้ำ เกษตรกรจะไม่สามารถอยู่ได้ เชื่อที่มาของกฎหมาย เพราะรายรับรัฐบาลไม่พอต่อรายจ่าย
นายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีตกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ร่างพระราชบัญญัติ ทรัพยากรนํ้า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งกำลังพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วกว่าครึ่ง โดยสาระสำคัญที่เกษตรกรแสดงความกังวลคือ การเรียกเก็บค่าน้ำ เฉลี่ยประมาณ 800 บาทต่อไร่
โดยนายคมเดช มองว่า หากร่างกฎหมายผ่านสภาและมีผลใช้บังคับ โดยมีสาระในลักษณะดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบ ต่อเกษตรกรต้องแบกรับภาระที่เป็นต้นทุนเพิ่มมากขึ้น
นายคมเดชมองว่า วิธีการดังกล่าว ไม่ใช่การเรียกเก็บภาษีปกติ แต่นี่คือการรีดภาษีจากประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย วิธีการเรียกเก็บภาษี ในรูปแบบต่างๆจึงเกิดขึ้น
นายคมเดชไม่เห็นด้วยหากจะเรียกเก็บภาษีในลักษณะที่เกษตรกรได้รับผลกระทบ เพราะปัจจุบันเกษตรกรแทบไม่มีรายได้
จากการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรพบว่า คนกลุ่มดังกล่าวมีหนี้สินทั้งในและนอกระบบที่บีบรัดต่อการดำรงชีพ หากต้องแบกรับภาระในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เกษตรกรจะไม่สามารถอยู่ได้
อดีตกรรมาธิการ การพัฒนาเศรษฐกิจผู้นี้ระบุด้วยว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำลงทุกชนิด พืชหลักในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสําปะหลัง หรือยางพารา ล้วนแต่มีราคาตกต่ำ
ตรวจสอบในพื้นที่พบว่า ชาวนาสามารถขายข้าวได้เพียง 5,000-6,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น ขณะที่มันสำปะหลังมีราคาเพียง 1 บาท 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับยางพารา เกษตรกรจำนวนไม่น้อยยอมตัดต้นยางพาราทิ้ง เนื่องจากราคาไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต
ที่มา:คมข่าว
นายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีตกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ร่างพระราชบัญญัติ ทรัพยากรนํ้า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งกำลังพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วกว่าครึ่ง โดยสาระสำคัญที่เกษตรกรแสดงความกังวลคือ การเรียกเก็บค่าน้ำ เฉลี่ยประมาณ 800 บาทต่อไร่
โดยนายคมเดช มองว่า หากร่างกฎหมายผ่านสภาและมีผลใช้บังคับ โดยมีสาระในลักษณะดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบ ต่อเกษตรกรต้องแบกรับภาระที่เป็นต้นทุนเพิ่มมากขึ้น
นายคมเดชมองว่า วิธีการดังกล่าว ไม่ใช่การเรียกเก็บภาษีปกติ แต่นี่คือการรีดภาษีจากประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย วิธีการเรียกเก็บภาษี ในรูปแบบต่างๆจึงเกิดขึ้น
นายคมเดชไม่เห็นด้วยหากจะเรียกเก็บภาษีในลักษณะที่เกษตรกรได้รับผลกระทบ เพราะปัจจุบันเกษตรกรแทบไม่มีรายได้
จากการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรพบว่า คนกลุ่มดังกล่าวมีหนี้สินทั้งในและนอกระบบที่บีบรัดต่อการดำรงชีพ หากต้องแบกรับภาระในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เกษตรกรจะไม่สามารถอยู่ได้
อดีตกรรมาธิการ การพัฒนาเศรษฐกิจผู้นี้ระบุด้วยว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำลงทุกชนิด พืชหลักในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสําปะหลัง หรือยางพารา ล้วนแต่มีราคาตกต่ำ
ตรวจสอบในพื้นที่พบว่า ชาวนาสามารถขายข้าวได้เพียง 5,000-6,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น ขณะที่มันสำปะหลังมีราคาเพียง 1 บาท 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับยางพารา เกษตรกรจำนวนไม่น้อยยอมตัดต้นยางพาราทิ้ง เนื่องจากราคาไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต
ที่มา:คมข่าว
EmoticonEmoticon