วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

'อนุพงษ์' ปัดจัดซื้อ 'เครื่องตรวจจับความเร็ว' 573 ล้านบาท

'อนุพงษ์' แจงที่มาซื้อเครื่องตรวจจับความเร็ว ระบุไว้ใช้กับถนนสายรอง ขณะที่ปลัด มท. ชี้ภาคเอกชนเป็นผู้เสนอ ย้ำยังไม่มีการซื้อเครื่องเจ้าปัญหา พร้อมเชิญ บ.เอกชนเข้าร่วมประมูลจัดซื้อ 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แตงกระแสข่าวอนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา เพื่อใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนว่า เรื่องนี้คณะกรรมการความปลอดภัยทางถนนสรุปว่าการบังคับใช้กฎหมายต้องมีจุดตรวจจับและต้องมีเครื่องมือ จึงขอรัฐบาลซื้อเพราะเครื่องมือไม่เพียงพอ ที่สำคัญเครื่องมือดังกล่าวใช้ในถนนชุมชนหรือถนนสายรองซึ่งสถิติการเสียชีวิตมีมาก จึงเป็นที่มีของการขอรัฐบาล โดยรัฐบาลก็อนุมัติ ส่วนซื้อเท่าไรตนไม่ทราบเพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน ต้องถาม ปภ.ตนมีหน้าที่นำความต้องการของผู้เสนอไปเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ ครม.อนุมัติมาผู้ที่รับผิดชอบก็ไปจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ใช่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดซื้อ แต่เป็น ปภ.ที่ดำเนินการจัดซื้อ ทั้งนี้ได้ถามผู้เกี่ยวข้องว่าทำไมเราต้องซื้อ ไม่ให้ตำรวจซื้อ คำตอบคือในพื้นที่ถนนรอง ด่านรองต่างๆ สามารถยืมไปใช้ได้ แต่ถ้าเป็นตำรวจไม่ให้ยืม  
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงราคาการจัดซื้อเครื่องพกพาที่สูงว่า ราคาสูงหรือไม่นั้นก่อนจะจัดซื้อจัดหาต้องมีการสืบราคาว่าอุปกรณ์ประเภทนี้มีขายราคาเท่าใด ซึ่งต้องดูจากหลายๆ บริษัทและดูการซื้อจากอดีตที่ผ่านมา เรื่องราคาต้องสมเหตุสมผล ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของเครื่อง และสำคัญที่สุดอยู่ที่ประโยชน์การใช้เพราะไม่ได้ซื้อให้ตำรวจ แต่ซื้อให้ทุกส่วนราชการและท้องถิ่น ซึ่งใช้ใน 2 ลักษณะ 1.ใช้เพื่อบังคับตามกฎหมายคือเร็ว จับ 2.ใช้เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ว่ามีเครื่องมือแล้ว โดยเครื่องนี้จะอยู่ทุกจังหวัดเป็นของ ปภ. แต่ละอำเภอ แต่ละส่วนงานมาขอใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการซื้อขายเครื่องดังกล่าว อีกทั้งการซื้อต้องเป็นระบบเปิดโดยการอีบิดดิ้ง  
อย่างไรก็ดีขณะนี้เป็นเพียงแต่การเสนอว่ามีความจำเป็น และคนที่เสนอให้ซื้อเป็นกรรมการภาคเอกชนคือมูลนิธิเมาไม่ขับ องค์กรเครือข่ายต่างๆ เสนอมาต่อเนื่องทุกปี เพียงแต่ว่ายังไม่ได้รับงบประมาณ แต่ปีนี้เพิ่งได้ในส่วนซื้อทั้งระบบ ส่วนการจัดซื้อจะเริ่มได้เมื่อไรนั้น เมื่อรู้แล้วว่าได้รับอนุมัติงบประมาณก็เข้าสู่กระบวนการจัดหา ขณะนี้ในการทำสเป็กก็เชิญทาง สตช. กรมการขนส่ง ผู้สื่อข่าว และส่วนราชการของ ปภ. ร่วมกันทำสเป็ก เมื่อได้สเป็กแล้วก็นำขึ้นฟังประชาวิจารณ์ เชิญบริษัทต่างๆ เข้ามาประมูลเยอะๆ เพื่อมาเสนอขาย โดยเราจะประกาศประชาพิจารณ์ตามขั้นตอน เมื่อเป็นที่ยุติแล้วถึงเข้าสู่กระบวนการจัดหาแล้วเสนอราคา แล้วถึงมาบิดดิ้งเพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกล่าว
ที่มา: Voice TV
วันที่ 19 ต.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวอนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา เพื่อใช้ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนว่า เรื่องนี้คณะกรรมการความปลอดภัยทางถนนสรุปว่าการบังคับใช้กฎหมายต้องมีจุดตรวจจับและต้องมีเครื่องมือ จึงขอรัฐบาลซื้อเพราะเครื่องมือไม่เพียงพอ
ที่สำคัญเครื่องมือดังกล่าวใช้ในถนนชุมชนหรือถนนสายรองซึ่งสถิติการเสียชีวิตมีมาก จึงเป็นที่มีของการขอรัฐบาลโดยรัฐบาลก็อนุมัติ ส่วนซื้อเท่าไร ตนไม่ทราบเพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน ต้องถาม ปภ.ตนมีหน้าที่นำความต้องการของผู้เสนอไปเสนอครม. เมื่อ ครม.อนุมัติมาผู้ที่รับผิดชอบก็ไปจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ใช่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดซื้อ แต่เป็น ปภ.ที่ดำเนินการจัดซื้อ ได้ถามผู้เกี่ยวข้องว่าทำไมเราต้องซื้อไม่ให้ตำรวจซื้อ คำตอบคือในพื้นที่ถนนรอง ด่านรองต่างๆ สามารถยืมไปใช้ได้ แต่ถ้าเป็นตำรวจไม่ให้ยืม
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ราคาสูงหรือไม่นั้นก่อนจะจัดซื้อจัดหาต้องสืบราคา ต้องดูจากหลายๆ บริษัทและดูการซื้อจากอดีต เรื่องราคาต้องสมเหตุสมผล ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของเครื่อง และสำคัญที่สุดอยู่ที่ประโยชน์การใช้เพราะไม่ได้ซื้อให้ตำรวจ แต่ซื้อให้ทุกส่วนราชการและท้องถิ่น ซึ่งใช้ 2 ลักษณะ 1.ใช้เพื่อบังคับตามกฎหมายคือเร็ว 2.ใช้เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ว่ามีเครื่องมือแล้ว โดยเครื่องนี้จะอยู่ทุกจังหวัดเป็นของ ปภ. แต่ละอำเภอ แต่ละส่วนงานมาขอใช้ได้ และขณะนี้ยังไม่มีการซื้อขายเครื่องดังกล่าว อีกทั้งการซื้อต้องเป็นระบบเปิดโดยการวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง
“ขณะนี้เป็นเพียงแต่การเสนอว่ามีความจำเป็น และคนที่เสนอให้ซื้อเป็นกรรมการภาคเอกชนคือมูลนิธิเมาไม่ขับ องค์กรเครือข่ายต่างๆ เสนอมาต่อเนื่องทุกปี เพียงแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ แต่ปีนี้เพิ่งได้ในส่วนซื้อทั้งระบบ ส่วนการจัดซื้อจะเริ่มได้เมื่อไร เมื่อรู้แล้วว่าได้รับอนุมัติงบประมาณก็เข้าสู่กระบวนการจัดหา ขณะนี้การทำสเป๊กก็เชิญ สตช. กรมการขนส่ง ผู้สื่อข่าว และส่วนราชการของ ปภ. ร่วมกันทำสเป๊ก เมื่อได้สเป๊กแล้วก็นำขึ้นฟังประชาวิจารณ์ เชิญบริษัทต่างๆ เข้ามาประมูลเยอะๆ เพื่อเสนอขาย โดยจะประกาศประชาพิจารณ์ตามขั้นตอน เมื่อเป็นที่ยุติแล้วถึงเข้าสู่กระบวนการจัดหาแล้วเสนอราคา แล้วถึงมาบิดดิ้งเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ” นายฉัตรชัย กล่าว
ที่มา: ข่าวสด


EmoticonEmoticon

ที่ดินทรัพย์สินส่วนสาธารณประโยชน์ และที่ดินกว่า 2600 ไร่ ขุมทรัพย์หลายแสนล้าน กลางกรุง!

ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สิน ฯ มีที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,060,000 ตารางวา หรือ 2,650 ไร่ โดยที่ดินผืนใหญ่ที่สุด 300 ไร่อยู...

กลับไปหน้าแรก