โจชัว หว่อง หนึ่งในผู้นำคนหนุ่มสาวผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงที่ถูกสั่งจำคุก 6 เดือนจากกรณีการชุมนุมในปี 2557 เขียนจดหมายจากในทัณฑสถานตีพิมพ์เป็นรายตอนในสื่อเดอะการ์เดียน จดหมายแรกที่ตีพิมพ์เผยความในใจว่าเขาไม่เสียดายที่ร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชน และขอให้โลกอย่าลืมประชาชนฮ่องกง
1 ต.ค. 2560 โจชัว หว่อง ระบุว่าถึงแม้ชีวิตในทัณฑสถานจะแห้งแล้งและน่าเบื่อหน่าย การถูกตัดขาดจากครอบครัวและจากเพื่อนที่ต่อสู้ร่วมกันมาเป็นเรื่องเจ็บปวดมาก แต่แม้ว่าจะมีความยากลำบากเหล่านี้เขาก็ยังคงภาคภูมิใจที่ได้เข้าร่วมขบวนการปฏิวัติร่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อปี 2557
หว่องระบุว่าเมื่อเทียบกับนักสู้รายอื่นๆ อย่างหลิวเสี่ยวโป หรือเนลสัน แมนเดลา ต้องลำบากกว่าเขามากนัก ตัวเขาเองมองว่าการถูกจับเข้าคุกในครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเส้นทางอันยากลำบากในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย "ร่างกายเราถูกจับขังไว้ แต่การไล่ตามเสรีภาพของพวกเขาไม่สามารถถูกกักกันไว้ได้ อุปสรรคจะทำให้เรามีไหวพริบมากขึ้นและทำให้จิตใจของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น จะยิ่งทำให้เกิดการตื่นรู้ทางการเมืองของชาวฮ่องกงมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาคมนานาชาติด้วย" หว่องกล่าว
หว่องเตือนว่าก่อนหน้านี้คนในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต่อต้านขัดขืนอำนาจรัฐจะถูกจับกุม แต่ในตอนนี้ความเสี่ยงถูกจับเริ่มแผ่ขยายมาถึงฮ่องกง ทำให้ผู้คนคงไม่หลอกตัวเองว่าฮ่องกงยังคงเป็นเหมือนเดิมแบบที่เคยเป็นมา และเสรีภาพในฮ่องกงก็กำลังลดน้อยถอยลง
ในจดหมายจากคุกของหว่องยังระบุถึงการต่อสู้ปี 2557 และการตัดสินจากศาล เขาบอกว่าในปี 2557 เขาเชื่อว่าชาวฮ่องกงจะใช้วิธีการอย่างสันติในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในการเลือกผู้นำของตัวเองในพื้นที่ของชาวฮ่องกงได้ ในปีที่แล้วศาลตัดสินว่าเขา "ชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย" แต่ก็ลงโทษแค่ให้ทำงานบริการชุมชน นั่นหมายว่าจากคำตัดสินในปีที่แล้วยังยอมรับคุณค่าเรื่องการอารยะขัดขืนของพวกเขา แต่ริมสกี หยุ่น รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของฮ่องกงก็เปลี่ยนคำตัดสินลงโทษหว่องให้หนักขึ้นโดยอ้างกฎหมายเกี่ยวกับกลุ่มแก็งค์ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าล้าสมัยตั้งแต่ช่วงอาณานิคมทำให้หว่องกลายเป็นนักโทษการเมืองที่เด็กที่สุดของฮ่องกง
หว่องมองว่ารัฐบาลฮ่องกงที่หนุนหลังโดยทางการจีนจะพยายามสกัดกั้นไม่ให้ฮ่องกงได้มีอิสระในการปกครองตนเอง อาจจะมีคนที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงปฏิวัติร่มถูกดำเนินคดีอีกนอกจากเขา ถึงเวลาที่ต้องทำให้โลกรู้ว่าฮ่องกงไม่ได้เป็นแบบเดิมจากที่โลกรู้จักมาก่อน แบบที่ยังมีเสรีภาพถึงแม้จะยังไม่มีประชาธิปไตย หลักนิติธรรมฮ่องกงที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจก็ถูกครอบงำโดยทางการจีนแผ่นดินใหญที่สั่งลงโทษจำคุกแบบลงโทษเกินเลยขอบเขตที่ควรจะเป็น
ถึงแม้ลอร์ดแพทเทน ชาวอังกฤษที่เคยเป็นผู้ว่าการรัฐฮ่องกงจะเคยให้กำลังใจหว่องและเพื่อนของเขาที่ถูกตัดสินจำคุกด้วยกันอย่างนาธาน หลอ และอเล็ก โจว ว่าชื่อของพวกเขาจะถูกจดจำไว้ แต่คนที่ตัดสินลงโทษพวกเขาจะถูกลืมเลือนไปในเถ้าถ่านของกาลเวลา แต่ตัวของหว่องภายหลังลูกกรงกลับมุ่งหวังอีกเรื่องหนึ่ง
แทนที่จะไม่ลืมแค่เขาและเพื่อนของเขา หว่องต้องการให้โลกอย่าลืมฮ่องกง และให้ประวัติศาสตร์จดจำการเคลื่อนไหวของขบวนการร่มไว้เพราะมันคือช่วงเวลาที่ชาวฮ่องกงยืนหยัดร่วมกันต่อสู้เพื่อเป็นอิสระ แม้ว่าจำนวนประชากรชาวฮ่องกงจะเทียบไม่ได้กับจีนแผ่นดินใหญ่แต่ชาวฮ่องกงก็มีความกล้าหาญ การยืนหยัดมุ่งมั่นเพื่อเผชิญหน้าการกดขี่ และตัวเขาเองก็ไม่เสียดายที่ได้ร่วมการต่อสู้นี้เขาเองก็จะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะถึงวันที่ได้รับประชาธิปไตย
"ฮ่องกงอาจจะเล็ก แต่เป็นประชาชนของที่นี่ที่ทำให้ยิ่งใหญ่" หว่องกล่าว
เรียบเรียงจาก
The Guardian, Prison is an inevitable part of Hong Kong's exhausting path to democracy, September 28, 2017
EmoticonEmoticon