พอมาถึงเราหลังจากทำโรงเรียนนานาชาติเฟิสต์สเต็ปส์ ซึ่งพอจะมีกำไรอยู่บ้าง จึงคิดอยากจะทำอะไรไว้ให้ลูก ก็เลยสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นไว้ให้ทั้งตัวเอง คุณแม่ และลูกๆ น้องอุ้ม (อาภาสิริ ชุติกุล) กับน้องอั้ม (ถิร ชุติกุล) ได้มาพักผ่อนกัน” คุณลักษ์เล่าที่มาที่ไปของบ้าน 2 ชั้นสีขาวครีมตัดกับหลังคาสีเขียว ซึ่งเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาให้กับตัวบ้านเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่ยังสาวเผยความตั้งใจในการสร้างบ้านหลังนี้ต่อว่า เดิมอยากทำให้เหมือนกับบ้านพักตากอากาศริมทะเลแบบโบราณ โดยการยกใต้ถุนสูงไว้สำหรับเป็นที่จอดรถ แต่หลังจากใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ กอปรกับความเสียดายพื้นที่ เธอจึงปรับโครงสร้างใหม่ด้วยการออกแบบให้ข้างล่างเป็นห้องรับแขก ส่วนข้างบนเป็นห้องนอน 4 ห้องสำหรับตัวเธอ คุณแม่ ลูกสาว และลูกชาย “ทุกอย่างทั้งเรื่องสไตล์การออกแบบ สีสัน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งมาจากตัวเราเองทั้งหมดจากประสบการณ์ของการเป็นลูกสาวทูตมา 26 ปี คุณพ่อไปประจำมาไม่รู้กี่ประเทศ ทั้งอาร์เจนตินา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เราก็ตามไปด้วยทุกที่ เราเองก็เคยเป็นภรรยาทูตมาก่อน ตอนนั้นอดีตสามี (กอบศักดิ์ ชุติกุล) ไปเป็นทูตประจำอยู่ที่สาธารณรัฐเชก 3 ปี แต่ละแห่งที่ไปอยู่ก็จะซื้อของแต่งบ้านอย่างพวกแชนเดอเลียร์ โต๊ะ ตั่ง สะสมไว้เป็นที่ระลึก รวมถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปเห็นบ้านเมืองของประเทศต่างๆ ทั้งหมดทำให้เรากลายเป็นคนมีไอเดียในการแต่งบ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้ก็จะออกมาในลักษณะของสไตล์บ้านแบบอิงลิชโคโลเนียลที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย” น้ำเสียงภาคภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงดีไซน์เฉพาะตัว ถึงสไตล์การตกแต่งจะมีความเป็นโคโลเนียลอยู่บ้าง แต่สิ่งที่คุณลักษ์ย้ำอยู่ตลอดคือ อย่างไรเสียจะลืมความเป็นไทยไปไม่ได้ โดยเฉพาะสไตล์ไทย-ล้านนาที่เธอโปรดปรานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งบ้าน อาทิ ตั่ง เก้าอี้หวาย หรือแม้แต่ประตูบ้าน คุณลักษ์ก็ไปซื้อหาจากเชียงใหม่ด้วยตัวเองทุกชิ้น “โต๊ะ ตั่ง เก้าอี้หวายทั้งหลายที่เห็นเป็นของเชียงใหม่หมด แต่เราเอามาทาสีขาวให้ดูผสมกลมกลืนไปกับสไตล์บ้านแบบฝรั่งเท่านั้นเอง ทุกอย่างที่เป็นของภาคเหนือชอบหมด อาหารอย่างไส้อั่ว แกงฮังเลก็ชอบ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นชาวเหนือ หรือเปล่าถึงได้ชอบมากขนาดนี้ (หัวเราะ)” |
ปัจจุบัน “บ้านลักษสุภา” ไม่ได้เป็นเพียงบ้านพักตากอากาศสำหรับสมาชิกในครอบครัวคุณลักษ์เท่านั้น แต่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันยังถูกเนรมิตให้เป็นรีสอร์ตขนาดย่อมอันประกอบด้วยวิลลาอีก 16 หลังที่มีสไตล์การตกแต่งไม่ต่างจากบ้านของเธอเอง เหตุนี้บ้านลักษสุภาจึงฮอตฮิตติดอันดับจนผู้มาเยือนต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนทีเดียว “ต้องบอกว่าที่นี่เป็นธุรกิจหลักและธุรกิจเดียวของเรา เพราะเมื่อปีที่แล้วเพิ่งตัดสินใจขายโรงเรียนนานาชาติไป ไม่ไหวจริงๆ ที่จะต้องวิ่งรอกไปมา 2 ที่ บ้านลักษสุภาเปิดมาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ต้องบอกเลยว่าช่วงแรกเราแทบจะไม่ได้เข้ามาดูแลจัดการอะไรมากมาย ก็เลยกลายเป็นเละเทะไปหมด ซึ่งจริงๆ ตอนแรกที่ทำเพราะตั้งใจว่าอยากจะสร้างไว้ให้เป็นสมบัติของลูก จะได้เป็นรายได้ให้เขาในอนาคต แต่พอทำแล้วลูกเขาไม่ได้อินกับอะไรตรงนี้มาก โดยเฉพาะน้องอุ้ม-ลูกสาวคนโตซึ่งเพิ่งจบปริญญาโทจากออสเตรเลียกลับมา เขาชอบและผูกพันกับโรงเรียนอนุบาลมากกว่าก็เลยอยากจะเป็นครู เขาบอกว่าเขายังไม่มีความรู้ ยังไม่มีประสบการณ์พอที่จะมาทำตรงนี้ เราก็เลยต้องเป็นคนดูแล หลังจากขายโรงเรียนไปแล้วก็มีเวลามาตั้งใจจริงจังกับที่นี่” แต่เพราะครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก กอปรกับตอนนี้คุณลักษ์เองมีตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้าไทย-ออสเตรเลีย เธอจึงต้องแบ่งภาคจัดสรรตารางเวลาให้ลงตัวที่สุด “ถ้าไม่มีงานที่หอการค้า หรือไม่มีอะไรเกี่ยวกับลูกก็ตาม จะแบ่งเวลาครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ เวลามาหัวหินเราจะขับรถสปอร์ต 2 ประตูเปิดประทุนแล้วก็เปิดเพลงฟังบึ่งมาเลย ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาทีก็ถึง เลยเป็นเหตุผลที่ต้องขับรถมาเอง ไม่อย่างนั้นทำเวลาแบบนี้ไม่ได้ค่ะ” นักธุรกิจหญิงเต็มตัวเอ่ยถึงภารกิจหลักที่ทำเป็นประจำ ทุกครั้งที่มาถึงหัวหิน ก้าวแรกที่ลงจากรถ เวลาเกือบทั้งหมดล้วนเป็นงาน บรรดาลูกน้องแต่ละแผนกจะพากันมาเข้าคิวเพื่อคุยเรื่องงาน ระหว่างการสนทนาของ WhO? กับคุณลักษ์จึงมีพนักงานเข้าคิวกันมาคุยงานกับเธออยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเธอก็สามารถบริหารจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยด้วยเวลาอันรวดเร็ว |
“ทุกครั้งที่มาก็มีแต่เรื่องแบบนี้ ลูกๆ เขาเลยไม่อยากจะมาด้วย ลูกจะบอกว่าอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ดีกว่า แม่ยังมีเวลาให้เขาบ้าง แต่มาที่นี่ถ้าไม่คุยกับพนักงานก็ต้องรับโทรศัพท์เรื่องงาน เขาเลยไม่เอนจอยเท่าไหร่ อย่างเวลาอยู่กรุงเทพฯ ตอนนี้น้องอุ้มเรียนจบแล้วด้วย ส่วนใหญ่สองแม่ลูกก็จะพากันไปทำสวย ส่วนถ้าน้องอั้ม ลูกชาย เขาเป็นคนช่างกิน ก็จะชวนแม่ไปสรรหาร้านอร่อยกินกัน หรือไม่ก็ไปปาร์ตี้ ไปดูคอนเสิร์ตกับเขา ทุกวันนี้ถึงจะอายุ 50 กว่าแล้ว แต่ก็ยังไปเที่ยวอาร์ซีเอกับลูกได้อยู่ (หัวเราะ) แต่ยังไงก็เป็นข้อตกลงกันเลยว่า ปีใหม่ต้องมาเอนจอยกันที่หัวหิน ลูกๆ เขาก็จะชวนเพื่อนเป็นสิบมาอยู่กันที่บ้านหลังนี้นี่แหละค่ะ เราก็มีความสุขไปด้วย ได้เห็นเด็กๆ เต็มบ้าน” คุณแม่วัย 52 กะรัตกล่าว เพราะความที่บ้านอยู่ติดกับรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศจึงเสมือนหนึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ กลายๆ คุณลักษ์จึงเกิดแรงบันดาลใจ (ที่จุดประกายจากวัย) ขึ้นมาว่า อยากจะรีโนเวตบ้านใหม่ เนื่องจาก ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่ได้ทำนุบำรุงบ้านหลังงามนี้เท่าไรนัก “ตอนนี้กำลังเริ่มทำแล้วค่ะ เราอยากจะ make of the most บ้านหลังนี้ใหม่หมด เพราะที่ผ่านมากลายเป็นที่ที่เราเอาไว้มาทำงานเท่านั้น เลยคิดไว้ว่าอยากจะทาสีใหม่ ห้องน้ำก็จะรื้อใหม่หมด อยากจะเอา bath tub มาวาง อยากมี rain shower ทั้งหมดก็เพื่อมาสร้างความผ่อนคลายให้กับตัวเอง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม เมื่อถึงจุดหนึ่งตัวเราเองก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน บ้านต้องเป็นสถานที่ที่รีแลกซ์ คงจะกั้นทางเดินให้มีพื้นที่ไปรเวตโซนเพิ่มขึ้น เสร็จแล้วก็ชวนเพื่อนๆ มาบาร์บีคิวปาร์ตี้กัน ถ้ายังปล่อยไว้ให้ มีแต่งานแบบนี้เราเองก็อาจจะแย่ได้เหมือนกัน” คุณลักษ์เล่าพลางย้ำอีกครั้งว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เธอภูมิใจมากที่สุด เพราะเป็นบ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองจริงๆ แล้วหัวหินก็เป็นที่ที่เธอมีความผูกพันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งกิจการที่เธอทำก็ยังเป็นธุรกิจเดียวที่ซิงเกิลมัม อย่างเธอหารายได้เพื่อมาเลี้ยงลูกทั้งสองในตอนนี้ “ถามว่าหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่จะต้องทั้งทำงานและเลี้ยงลูก 2 คนไปด้วยในเวลาเดียวกันแบบนี้ บางทีก็มีคิดบ้างเหมือนกัน แต่ทุกอย่างที่ทำคือความชอบ ความรัก เราทำไปด้วยความเอนจอย อย่างงานตอนนี้ก็อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะเราเพิ่งมาเริ่มต้นดูแลอย่างจริงจัง ก็ต้องมาเริ่มเรียนรู้กันใหม่หมดทุกอย่าง แต่ถ้ามีฟอร์แมตของมันแล้วทุกอย่างเป็นระบบเข้าที่เข้าทางก็คงไม่ยาก เวลาทำงานเราจะไม่ออกคำสั่งกับพนักงาน แต่จะบอกว่าอยากได้แบบนี้ บอกไปกว้างๆ แล้วก็ให้ลูกน้องเขาได้เข้ามามีส่วนร่วม” หญิงเก่งและแกร่งถ่ายทอดวิธีการทำงานของตัวเอง เช่นเดียวกับวิธีเลี้ยงลูกทั้ง 2 คน ที่เธอจะไม่เข้าไปบังคับบงการชีวิตลูก เพียงแค่สร้างกรอบกว้างๆ ไว้ให้เขาเดิน จึงทำให้เธอกับลูกสนิทสนมกันมาก แม่กับลูกสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง จนคุณลักษ์เล่าติดตลกว่า บางทีคุยกันไปมา ลูกบอกเธอว่า “ตายแล้ว อุ้มลืมไปแล้วว่าแม่เป็นแม่ อุ้มนึกว่าแม่เป็นเพื่อนอุ้ม” |
และช่วยหางานให้กับเด็กไทยที่เรียนจบจากออสเตรเลียได้มีงานทำในบ้านเกิดของตัวเอง จนเวลาใน 1 วันแทบจะหายไปในชั่วพริบตา แต่คุณลักษ์ก็ขอแบ่งพื้นที่ไว้ให้เรื่องหัวใจของตัวเองด้วยเช่นกัน “ไม่ได้นะคะ ยังไงชีวิตคนเราก็ต้องมีคู่นะคะ แต่การมีคู่ในที่นี้ก็คือมีไว้เป็นเพื่อนในชีวิต ไม่ใช่ว่าจะมาเป็นพ่อของลูก ตอนนี้ก็มีเพื่อนสนิทเป็นหนุ่มออสเตรเลียนวัย 45 ปี คบกันมา 2 ปีแล้วค่ะ ต้องยอมรับว่าคนนี้คบกันได้นาน เพราะถึงเขาจะอายุน้อยกว่าเรา แต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่ เคยผ่านการมีครอบครัว มีลูกมาแล้วเหมือนกัน เขาก็จะเข้าใจว่าเราต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับลูก แต่ถามว่าลูกเข้าใจเรื่องนี้ไหม เราต้องค่อยๆ ให้เขาเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนเวลามีแฟนเราจะพยายามใส่ๆ ให้ลูก แต่มันไม่เวิร์กหรอก เด็กเขาจะไม่ชอบ มาถึงตอนนี้เราก็ต้องทำความเข้าใจ รู้สึกเกรงใจลูกอยู่เหมือนกัน ก็ต้องรอว่าลูกพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น สบายๆ ไม่รีบร้อน” เธอกล่าวด้วยทีท่าผ่อนคลายและดวงตาเปี่ยมด้วยความสุข ก่อนที่แถวของพนักงานที่เข้าคิวรอคุยกับคุณลักษ์จะยาวไปถึงชายหาด WhO? จึงขอทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า “ยังมีอะไรในชีวิตที่ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเพอร์เฟกต์รอบด้านอย่างเธอต้องการอีกหรือไม่” คุณลักษ์ส่งยิ้มหวานก่อนจะตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ถือว่าทุกอย่างในชีวิตลงตัวหมดแล้วจริงๆ ค่ะ ถ้าจะมีอะไรที่อยากทำอย่างเดียวในตอนนี้เลยก็คือ อยากจะเอนจอยกับชีวิตด้วยการดูแลตัวเองให้มากขึ้นตามประสาผู้หญิงวัยขึ้นต้นด้ว เลข 5 ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องสุขภาพ ความสวยความงามแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ” ความปรารถนาเดียวที่จะพาผู้หญิงเก่งคนนี้ไปสู่ความสุขที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิต... |
EmoticonEmoticon