วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ม่ายไฮโซกระดังงาร้อนแรง "ลักษสุภา กฤดากร"......


“ม่าย” แต่ “ไม่” ไร้คู่
ม.ล.ลักษสุภา กฤดากร


ซิงเกิลมัมพราวเสน่ห์กับความสุขใน “บ้านลักษสุภา” บ้านพักตากอากาศริมหาดหัวหิน สถานที่พำนักและธุรกิจหลักของครอบครัว...สัมผัสความรักครั้งใหม่ของคุณแม่ลูก 2 กับหนุ่มรุ่นน้องชาวออสซี เพราะชีวิตคนเราต้องมีคู่!!
บ่ายแก่ๆ ในวันที่ท้องฟ้าและน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใส คลื่นซัดสาดกระทบกับโขดหินริมทะเลระลอกแล้วระลอกเล่าสมกับชื่อ“หัวหิน” ซึ่งเป็นชื่อที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ พระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ต้นราชสกุล “กฤดากร” ได้พระราชทานนามชายหาดแห่งนี้ไว้


ในอดีตหัวหินเปรียบเสมือนบ้านพักตากอากาศหลังที่ 2 ของลูกหลานราชสกุลชั้นสูง ทว่าเวลานี้หัวหินกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของทั้งชาวไทยและต่างประเทศ บรรยากาศของบ้านพักตากอากาศริมทะเลถูกแทนที่ด้วยโรงแรมหรู คอนโดมิเนียม และรีสอร์ตหลากสไตล์ จะเหลือก็แต่ “บ้านลักษสุภา” ที่เจ้าของคือ ม.ล.ลักษสุภา กฤดากร ตั้งใจสะท้อนภาพความเป็นบ้านพัก
ตากอากาศแบบไทยๆ ไว้ให้มากที่สุด

จริงๆ เดิมทีที่ตรงนี้มีบ้านเก่าอยู่ เป็นบ้านไม้ แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นทูต ต้องเดินทางไปประจำอยู่ประเทศต่างๆ จึงไม่ค่อยมีโอกาสมาเท่าไหร่ ท่านเลยยกตัวบ้านบริจาคให้กับวัดไป พอมาถึงเราหลังจากทำโรงเรียนนานาชาติเฟิสต์สเต็ปส์ ซึ่งพอจะมีกำไรอยู่บ้าง จึงคิดอยากจะทำอะไรไว้ให้ลูก ก็เลยสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นไว้ให้ทั้งตัวเอง คุณแม่ และลูกๆ น้องอุ้ม (อาภาสิริ ชุติกุล) กับน้องอั้ม (ถิร ชุติกุล) ได้มาพักผ่อนกัน” คุณลักษ์เล่าที่มาที่ไปของบ้าน 2 ชั้นสีขาวครีมตัดกับหลังคาสีเขียว ซึ่งเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาให้กับตัวบ้านเป็นอย่างยิ่ง
ธิดาคนเดียวของ ม.ร.ว.สุทธิสวาท กฤดากร และ อาภา กฤดากร ณ อยุธยา (นามสกุลเดิม อาภากร) ปัจจุบันเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่คงความสวยและเฉี่ยวได้อย่างคงเส้นคงวา นอกจากนี้ ม.ล.ลักษสุภา หรือคุณลักษ์ ยังเป็นเจ้าของบ้านสวยสีขาวที่ทอดตัวขนานไปกับริมหาดหัวหิน...บ้านที่สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง
“บ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาก่อนที่ธุรกิจรีสอร์ตจะเกิดขึ้น จริงๆ แล้วตรงนี้เป็นที่มรดกตกทอดที่ได้รับมาจากคุณพ่อทั้งหมด 7 ไร่ โดยที่รอบข้างก็เป็นของเครือญาติด้วยกันหมด เหมือนอย่างโรงแรมโซฟิเทลหรือโรงแรมรถไฟสมัยก่อนก็เป็นของตระกูลกฤดากรมาก่อน แต่ว่าญาติคนอื่นเขาขายไป ส่วนครอบครัวเรานั้นค่อนข้างจะยังหัวโบราณ ก็เลยอยากเก็บที่ดินไว้ให้ลูกหลานต่อไป

จริงๆ เดิมทีที่ตรงนี้มีบ้านเก่าอยู่ เป็นบ้านไม้ แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นทูต ต้องเดินทางไปประจำอยู่ประเทศต่างๆ จึงไม่ค่อยมีโอกาสมาเท่าไหร่ ท่านเลยยกตัวบ้านบริจาคให้กับวัดไป
    
พอมาถึงเราหลังจากทำโรงเรียนนานาชาติเฟิสต์สเต็ปส์ ซึ่งพอจะมีกำไรอยู่บ้าง จึงคิดอยากจะทำอะไรไว้ให้ลูก ก็เลยสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นไว้ให้ทั้งตัวเอง คุณแม่ และลูกๆ น้องอุ้ม (อาภาสิริ ชุติกุล) กับน้องอั้ม (ถิร ชุติกุล) ได้มาพักผ่อนกัน” คุณลักษ์เล่าที่มาที่ไปของบ้าน 2 ชั้นสีขาวครีมตัดกับหลังคาสีเขียว ซึ่งเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาให้กับตัวบ้านเป็นอย่างยิ่ง

คุณแม่ยังสาวเผยความตั้งใจในการสร้างบ้านหลังนี้ต่อว่า เดิมอยากทำให้เหมือนกับบ้านพักตากอากาศริมทะเลแบบโบราณ โดยการยกใต้ถุนสูงไว้สำหรับเป็นที่จอดรถ แต่หลังจากใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ กอปรกับความเสียดายพื้นที่ เธอจึงปรับโครงสร้างใหม่ด้วยการออกแบบให้ข้างล่างเป็นห้องรับแขก ส่วนข้างบนเป็นห้องนอน 4 ห้องสำหรับตัวเธอ คุณแม่ ลูกสาว และลูกชาย

“ทุกอย่างทั้งเรื่องสไตล์การออกแบบ สีสัน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งมาจากตัวเราเองทั้งหมดจากประสบการณ์ของการเป็นลูกสาวทูตมา 26 ปี คุณพ่อไปประจำมาไม่รู้กี่ประเทศ ทั้งอาร์เจนตินา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เราก็ตามไปด้วยทุกที่ เราเองก็เคยเป็นภรรยาทูตมาก่อน ตอนนั้นอดีตสามี (กอบศักดิ์ ชุติกุล) ไปเป็นทูตประจำอยู่ที่สาธารณรัฐเชก 3 ปี แต่ละแห่งที่ไปอยู่ก็จะซื้อของแต่งบ้านอย่างพวกแชนเดอเลียร์ โต๊ะ ตั่ง สะสมไว้เป็นที่ระลึก รวมถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปเห็นบ้านเมืองของประเทศต่างๆ ทั้งหมดทำให้เรากลายเป็นคนมีไอเดียในการแต่งบ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้ก็จะออกมาในลักษณะของสไตล์บ้านแบบอิงลิชโคโลเนียลที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย” น้ำเสียงภาคภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงดีไซน์เฉพาะตัว

ถึงสไตล์การตกแต่งจะมีความเป็นโคโลเนียลอยู่บ้าง แต่สิ่งที่คุณลักษ์ย้ำอยู่ตลอดคือ อย่างไรเสียจะลืมความเป็นไทยไปไม่ได้ โดยเฉพาะสไตล์ไทย-ล้านนาที่เธอโปรดปรานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งบ้าน อาทิ ตั่ง เก้าอี้หวาย หรือแม้แต่ประตูบ้าน คุณลักษ์ก็ไปซื้อหาจากเชียงใหม่ด้วยตัวเองทุกชิ้น

“โต๊ะ ตั่ง เก้าอี้หวายทั้งหลายที่เห็นเป็นของเชียงใหม่หมด แต่เราเอามาทาสีขาวให้ดูผสมกลมกลืนไปกับสไตล์บ้านแบบฝรั่งเท่านั้นเอง ทุกอย่างที่เป็นของภาคเหนือชอบหมด อาหารอย่างไส้อั่ว แกงฮังเลก็ชอบ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นชาวเหนือ หรือเปล่าถึงได้ชอบมากขนาดนี้ (หัวเราะ)”
ปัจจุบัน “บ้านลักษสุภา” ไม่ได้เป็นเพียงบ้านพักตากอากาศสำหรับสมาชิกในครอบครัวคุณลักษ์เท่านั้น แต่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันยังถูกเนรมิตให้เป็นรีสอร์ตขนาดย่อมอันประกอบด้วยวิลลาอีก 16 หลังที่มีสไตล์การตกแต่งไม่ต่างจากบ้านของเธอเอง เหตุนี้บ้านลักษสุภาจึงฮอตฮิตติดอันดับจนผู้มาเยือนต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนทีเดียว

“ต้องบอกว่าที่นี่เป็นธุรกิจหลักและธุรกิจเดียวของเรา เพราะเมื่อปีที่แล้วเพิ่งตัดสินใจขายโรงเรียนนานาชาติไป ไม่ไหวจริงๆ ที่จะต้องวิ่งรอกไปมา 2 ที่ บ้านลักษสุภาเปิดมาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ต้องบอกเลยว่าช่วงแรกเราแทบจะไม่ได้เข้ามาดูแลจัดการอะไรมากมาย ก็เลยกลายเป็นเละเทะไปหมด ซึ่งจริงๆ ตอนแรกที่ทำเพราะตั้งใจว่าอยากจะสร้างไว้ให้เป็นสมบัติของลูก จะได้เป็นรายได้ให้เขาในอนาคต แต่พอทำแล้วลูกเขาไม่ได้อินกับอะไรตรงนี้มาก โดยเฉพาะน้องอุ้ม-ลูกสาวคนโตซึ่งเพิ่งจบปริญญาโทจากออสเตรเลียกลับมา เขาชอบและผูกพันกับโรงเรียนอนุบาลมากกว่าก็เลยอยากจะเป็นครู เขาบอกว่าเขายังไม่มีความรู้ ยังไม่มีประสบการณ์พอที่จะมาทำตรงนี้ เราก็เลยต้องเป็นคนดูแล หลังจากขายโรงเรียนไปแล้วก็มีเวลามาตั้งใจจริงจังกับที่นี่”

แต่เพราะครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก กอปรกับตอนนี้คุณลักษ์เองมีตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้าไทย-ออสเตรเลีย เธอจึงต้องแบ่งภาคจัดสรรตารางเวลาให้ลงตัวที่สุด

“ถ้าไม่มีงานที่หอการค้า หรือไม่มีอะไรเกี่ยวกับลูกก็ตาม จะแบ่งเวลาครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ เวลามาหัวหินเราจะขับรถสปอร์ต 2 ประตูเปิดประทุนแล้วก็เปิดเพลงฟังบึ่งมาเลย ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาทีก็ถึง เลยเป็นเหตุผลที่ต้องขับรถมาเอง ไม่อย่างนั้นทำเวลาแบบนี้ไม่ได้ค่ะ” นักธุรกิจหญิงเต็มตัวเอ่ยถึงภารกิจหลักที่ทำเป็นประจำ

ทุกครั้งที่มาถึงหัวหิน ก้าวแรกที่ลงจากรถ เวลาเกือบทั้งหมดล้วนเป็นงาน บรรดาลูกน้องแต่ละแผนกจะพากันมาเข้าคิวเพื่อคุยเรื่องงาน ระหว่างการสนทนาของ WhO? กับคุณลักษ์จึงมีพนักงานเข้าคิวกันมาคุยงานกับเธออยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเธอก็สามารถบริหารจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยด้วยเวลาอันรวดเร็ว
“เป็นคนไฮเปอร์ตลอดค่ะ ซึ่งเราคิดว่าชีวิตมันต้องเป็นอย่างนี้นะ เป็นคนชอบทำธุรกิจหลายๆ อย่างพร้อมกัน อย่างงานหอการค้าไทย-ออสเตรเลียไม่ใช่ธุรกิจ เพราะเราเป็นอาสาสมัคร แต่ใจจริงก็อยากกลับมาทำโรงเรียนอีกครั้ง แต่ว่าอาจจะเป็นคอลซัลแทนต์มากกว่า

อีกอย่างคือเป็นคนชอบแต่งบ้านมาก อย่างเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งไปบาหลีแล้วก็ซื้อรูปกลับมา ก็เอามาแต่งในร้านอาหารของที่นี่ ด้วยความชอบอันนี้บางทีเราก็มีความคิดอยากทำแกลเลอรีเล็กๆ ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน อาจจะออกแนวเหมือนร้านอาหาร มีรูป มีของแต่งบ้านมาวางออกตัวว่าเป็นคนไฮเปอร์และมีความสุขกับการได้ทำอะไรหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน แต่อีกหนึ่งภาคของเวิร์กกิงมัมคนนี้ก็มีช่วงเวลาที่เธอได้อยู่นิ่งๆ บ้างด้วยการนั่งสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะก่อนนอน ถึงตารางชีวิตในแต่ละวันจะอัดแน่นไปด้วยกิจการงานสารพัดสิ่งก็ตามที

และด้วยบุคลิกมาดมั่น ลุยได้กับทุกสถานการณ์นี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจว่าอีกหนึ่งความชอบของคุณลักษ์ก็คือกีฬาแอดเวนเจอร์เกือบทุกชนิด อาทิ ขับเรือ ดำน้ำ ขี่ม้า และกิจกรรมโลดโผนอีกสารพัด แต่ด้วยเพราะข้อจำกัดในเรื่องความสงบของชายหาดหัวหิน คุณลักษ์จึงต้องลดทอนความโลดโผนของกิจกรรมสุดโปรดลงเหลือเพียงการขับเจ็ตสกีในยามเช้าก่อนถึงเวลาประชุม เพราะนอกจากจะเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าแล้ว ยังถือว่าได้ออกไปสำรวจตลาด ดูความเคลื่อนไหวของกิจการข้างเคียงต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจของตัวเองอีกด้วย
    
“ทุกครั้งที่มาก็มีแต่เรื่องแบบนี้ ลูกๆ เขาเลยไม่อยากจะมาด้วย ลูกจะบอกว่าอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ดีกว่า แม่ยังมีเวลาให้เขาบ้าง แต่มาที่นี่ถ้าไม่คุยกับพนักงานก็ต้องรับโทรศัพท์เรื่องงาน เขาเลยไม่เอนจอยเท่าไหร่ อย่างเวลาอยู่กรุงเทพฯ ตอนนี้น้องอุ้มเรียนจบแล้วด้วย ส่วนใหญ่สองแม่ลูกก็จะพากันไปทำสวย ส่วนถ้าน้องอั้ม ลูกชาย เขาเป็นคนช่างกิน ก็จะชวนแม่ไปสรรหาร้านอร่อยกินกัน หรือไม่ก็ไปปาร์ตี้ ไปดูคอนเสิร์ตกับเขา ทุกวันนี้ถึงจะอายุ 50 กว่าแล้ว แต่ก็ยังไปเที่ยวอาร์ซีเอกับลูกได้อยู่ (หัวเราะ)

แต่ยังไงก็เป็นข้อตกลงกันเลยว่า ปีใหม่ต้องมาเอนจอยกันที่หัวหิน ลูกๆ เขาก็จะชวนเพื่อนเป็นสิบมาอยู่กันที่บ้านหลังนี้นี่แหละค่ะ เราก็มีความสุขไปด้วย ได้เห็นเด็กๆ เต็มบ้าน” คุณแม่วัย 52 กะรัตกล่าว

เพราะความที่บ้านอยู่ติดกับรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศจึงเสมือนหนึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ กลายๆ คุณลักษ์จึงเกิดแรงบันดาลใจ (ที่จุดประกายจากวัย) ขึ้นมาว่า อยากจะรีโนเวตบ้านใหม่ เนื่องจาก ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่ได้ทำนุบำรุงบ้านหลังงามนี้เท่าไรนัก

“ตอนนี้กำลังเริ่มทำแล้วค่ะ เราอยากจะ make of the most บ้านหลังนี้ใหม่หมด เพราะที่ผ่านมากลายเป็นที่ที่เราเอาไว้มาทำงานเท่านั้น เลยคิดไว้ว่าอยากจะทาสีใหม่ ห้องน้ำก็จะรื้อใหม่หมด อยากจะเอา bath tub มาวาง อยากมี rain shower ทั้งหมดก็เพื่อมาสร้างความผ่อนคลายให้กับตัวเอง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม เมื่อถึงจุดหนึ่งตัวเราเองก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน บ้านต้องเป็นสถานที่ที่รีแลกซ์ คงจะกั้นทางเดินให้มีพื้นที่ไปรเวตโซนเพิ่มขึ้น เสร็จแล้วก็ชวนเพื่อนๆ มาบาร์บีคิวปาร์ตี้กัน ถ้ายังปล่อยไว้ให้
มีแต่งานแบบนี้เราเองก็อาจจะแย่ได้เหมือนกัน”

คุณลักษ์เล่าพลางย้ำอีกครั้งว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เธอภูมิใจมากที่สุด เพราะเป็นบ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองจริงๆ แล้วหัวหินก็เป็นที่ที่เธอมีความผูกพันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งกิจการที่เธอทำก็ยังเป็นธุรกิจเดียวที่ซิงเกิลมัม อย่างเธอหารายได้เพื่อมาเลี้ยงลูกทั้งสองในตอนนี้

“ถามว่าหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่จะต้องทั้งทำงานและเลี้ยงลูก 2 คนไปด้วยในเวลาเดียวกันแบบนี้ บางทีก็มีคิดบ้างเหมือนกัน แต่ทุกอย่างที่ทำคือความชอบ ความรัก เราทำไปด้วยความเอนจอย อย่างงานตอนนี้ก็อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะเราเพิ่งมาเริ่มต้นดูแลอย่างจริงจัง ก็ต้องมาเริ่มเรียนรู้กันใหม่หมดทุกอย่าง แต่ถ้ามีฟอร์แมตของมันแล้วทุกอย่างเป็นระบบเข้าที่เข้าทางก็คงไม่ยาก เวลาทำงานเราจะไม่ออกคำสั่งกับพนักงาน แต่จะบอกว่าอยากได้แบบนี้ บอกไปกว้างๆ แล้วก็ให้ลูกน้องเขาได้เข้ามามีส่วนร่วม” หญิงเก่งและแกร่งถ่ายทอดวิธีการทำงานของตัวเอง

เช่นเดียวกับวิธีเลี้ยงลูกทั้ง 2 คน ที่เธอจะไม่เข้าไปบังคับบงการชีวิตลูก เพียงแค่สร้างกรอบกว้างๆ ไว้ให้เขาเดิน จึงทำให้เธอกับลูกสนิทสนมกันมาก แม่กับลูกสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง จนคุณลักษ์เล่าติดตลกว่า บางทีคุยกันไปมา ลูกบอกเธอว่า “ตายแล้ว อุ้มลืมไปแล้วว่าแม่เป็นแม่ อุ้มนึกว่าแม่เป็นเพื่อนอุ้ม”
    น้ำเสียงและแววตาของคุณลักษ์ดูจะสดชื่นและเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเอ่ยถึงลูกสาวและลูกชาย เธอว่าลูกทั้งสองเป็นชีวิตและจิตใจที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเธอยิ่งนัก โดยเฉพาะตอนนี้ลูกสาวคนโตวัย 23 ปีเรียนจบปริญญาโทกลับมาอยู่ที่เมืองไทยด้วยกันแล้ว เหลือแต่ลูกชายคนเล็กวัย 21 ปี ซึ่งกำลังจะจบปริญญาตรีในอีกไม่นานนี้ แต่ทั้งหมดก็ทำให้เธอพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพราะสองมือแม่นี้อย่างแท้จริง

“ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ห่วงแล้วค่ะ จะมีแค่คอยตามดูแฟนลูกแค่นั้นเอง (หัวเราะเสียงใส) 2 คนเขาก็มีแฟนกันไปตามประสาเด็ก น้องอุ้ม พี่สาวก็จะป๊อปหน่อย ส่วนน้องอั้ม น้องชาย เขาเป็นนักกีฬาหนุ่มหล่อ มาดเท่ ชอบฟังคาราวบาว ก็จะเงียบๆ แต่ก็มีแฟนแหม่มเปลี่ยนหน้าบ่อยอยู่เหมือนกัน

สำหรับการเป็นซิงเกิลมัมเลี้ยงลูก 2 คน บอกได้เลยว่าถ้าจะเหนื่อยก็คงจะเหนื่อยกับลูกชายมากกว่า เพราะว่าบ้านเราไม่มีผู้ชาย เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือสอนเขาอย่างไร อย่างน้องอุ้มเขาเป็นผู้หญิง เราเปิดกว้างคุยกันได้หมดทุกเรื่อง แต่ลูกชายเราไม่มั่นใจว่าอะไรควรหรือไม่ควร อย่างเขาเรียนปีสุดท้ายแล้วพอกลับมาบ้านก็มีงอแงขอเรียนออนไลน์ ไม่อยากกลับไปออสเตรเลียแล้ว เราก็ต้องเข็นให้เขากลับไป บอกเขาว่าไม่ได้ลูก อีกนิดเดียวก็จบแล้ว เราเป็นลูกผู้ชายนะ” คุณแม่กล่าวน้ำเสียงจริงจังต่างจากเดิม


แม้เรื่องลูกจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของ ม.ล.ลักษสุภา ก่อนจะให้เวลากับเรื่องงานทั้งธุรกิจส่วนตัวและงานอาสาสมัครในฐานะรองประธานหอการค้าไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งดูแลเรื่องนักเรียนเก่าออสเตรเลีย
และช่วยหางานให้กับเด็กไทยที่เรียนจบจากออสเตรเลียได้มีงานทำในบ้านเกิดของตัวเอง จนเวลาใน 1 วันแทบจะหายไปในชั่วพริบตา แต่คุณลักษ์ก็ขอแบ่งพื้นที่ไว้ให้เรื่องหัวใจของตัวเองด้วยเช่นกัน

“ไม่ได้นะคะ ยังไงชีวิตคนเราก็ต้องมีคู่นะคะ แต่การมีคู่ในที่นี้ก็คือมีไว้เป็นเพื่อนในชีวิต ไม่ใช่ว่าจะมาเป็นพ่อของลูก ตอนนี้ก็มีเพื่อนสนิทเป็นหนุ่มออสเตรเลียนวัย 45 ปี คบกันมา 2 ปีแล้วค่ะ ต้องยอมรับว่าคนนี้คบกันได้นาน เพราะถึงเขาจะอายุน้อยกว่าเรา แต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่ เคยผ่านการมีครอบครัว มีลูกมาแล้วเหมือนกัน เขาก็จะเข้าใจว่าเราต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับลูก แต่ถามว่าลูกเข้าใจเรื่องนี้ไหม เราต้องค่อยๆ ให้เขาเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนเวลามีแฟนเราจะพยายามใส่ๆ ให้ลูก แต่มันไม่เวิร์กหรอก เด็กเขาจะไม่ชอบ มาถึงตอนนี้เราก็ต้องทำความเข้าใจ รู้สึกเกรงใจลูกอยู่เหมือนกัน ก็ต้องรอว่าลูกพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น สบายๆ ไม่รีบร้อน” เธอกล่าวด้วยทีท่าผ่อนคลายและดวงตาเปี่ยมด้วยความสุข

ก่อนที่แถวของพนักงานที่เข้าคิวรอคุยกับคุณลักษ์จะยาวไปถึงชายหาด WhO? จึงขอทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า “ยังมีอะไรในชีวิตที่ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเพอร์เฟกต์รอบด้านอย่างเธอต้องการอีกหรือไม่” คุณลักษ์ส่งยิ้มหวานก่อนจะตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า

“ถือว่าทุกอย่างในชีวิตลงตัวหมดแล้วจริงๆ ค่ะ ถ้าจะมีอะไรที่อยากทำอย่างเดียวในตอนนี้เลยก็คือ อยากจะเอนจอยกับชีวิตด้วยการดูแลตัวเองให้มากขึ้นตามประสาผู้หญิงวัยขึ้นต้นด้ว เลข 5 ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องสุขภาพ ความสวยความงามแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”

ความปรารถนาเดียวที่จะพาผู้หญิงเก่งคนนี้ไปสู่ความสุขที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิต...


EmoticonEmoticon

ที่ดินทรัพย์สินส่วนสาธารณประโยชน์ และที่ดินกว่า 2600 ไร่ ขุมทรัพย์หลายแสนล้าน กลางกรุง!

ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สิน ฯ มีที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,060,000 ตารางวา หรือ 2,650 ไร่ โดยที่ดินผืนใหญ่ที่สุด 300 ไร่อยู...

กลับไปหน้าแรก