แล้วเกมการเมืองของรัฐบาลทหารและฝ่ายอนุรักษนิยม ก็เพลี่ยงพล้ำเกมของฝ่าย “ทักษิณ ชินวัตร”
แม้ความเป็น “รัฐทหาร” จะปิดประเทศ-ล็อกทุกทางออก ไม่ให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หลุดพ้นจาก “ศาล”
แต่แล้วมือที่มองไม่เห็น ก็อุ้ม “ยิ่งลักษณ์” ข้ามพรมแดนประเทศไทย สู่อ้อมกอด “ทักษิณ” ผู้ให้กำเนิดทางการเมือง
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เคยมี “ทหาร” ชั้นผู้ใหญ่ชี้ทาง-ส่งสัญญาณ ให้ “หนี” แต่ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ถอย
ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ฝ่าย “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้ “ยิ่งลักษณ์” ปรากฏตัวพบปะมวลชน เลี้ยงกระแส-สร้างคะแนนความนิยม สะสมไว้ให้พรรค สำหรับการโหวตในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เกมการเมือง-ข้อต่อสู้ทางกฎหมาย ที่ “เนียน” ยังถูก “ลวง” ตลอด 2 ปี 4 เดือน ในอีเวนต์การเมืองที่หน้าศาล 26 ครั้ง
กระทั่งวันพิพากษา 24 ชั่วโมงสุดท้าย “ยิ่งลักษณ์” พลิกตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรี-วีรสตรีฝ่ายก้าวหน้า เป็นนักโทษหนีคดี
เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งให้ “ออกหมายจับ” เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี และไม่มีเหตุอันเชื่อได้ว่ามีอาการป่วย
และแทบจะทันทีที่รับทราบ “คำสั่งศาล” สื่อหลายสำนักเผยแพร่ “เส้นทางหนี” ของ “ยิ่งลักษณ์” จากกัมพูชา สู่สิงคโปร์ ทะลุไปถึงมหานครดูไบ
พร้อม ๆ กับคำ “รับทราบ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ราวกับ “รู้กันมาก่อน”
แม้จะรู้ว่า “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ลวง แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ยังหวังนำทีมลงสู่การเลือกตั้ง แบบไร้ “เงา-หัว” ของคนในตระกูล “ชินวัตร”
แต่ยังยึดแพลตฟอร์มการเมืองแบบ “ทักษิณคิดให้เพื่อไทยทำ”
แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทยสนทนากันเคร่งเครียดว่า บทเรียนในการใช้คนของตระกูล “ชินวัตร” ที่ผ่านมา 4 คน ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่พ่ายแพ้ทางการเมือง ถูกโค่นล้มด้วยระบบรัฐประหาร จบชีวิตการเมืองในศาลอย่างต่อเนื่อง
ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร, สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และแม้ว่าก่อนการเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีการเฟ้นตัวนักการเมืองในพรรค เพื่อขึ้นเป็นหัวขบวนของพรรค แต่ทว่าในท้ายที่สุด “ทักษิณ” จะเป็นคนลงมติ คนสุดท้ายเสมอ
ไม่ต่างไปจากครั้งนี้ เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เสนอตัวเป็นผู้ถือธงนำพรรค ก็ถูกแนวต้าน-สอดแนม จากประมุขแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า และก๊กของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
กระนั้นก็ตาม การหา “หัว” ของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย กลับยาก ยิ่งกว่าการก่อเกิดนโยบายใหม่ ๆ เพื่อใช้รณรงค์หาเสียง
ประกอบกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ต้องระบุ 3 รายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรค ไว้ในบัญชีผู้สมัครหาเสียง
ดังนั้น โมเดลเก่าในพรรคเพื่อไทย ที่มักใช้หัวหน้าพรรคเป็น “หุ่นเชิด” แต่เสียบชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีไว้ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
และหากเพื่อไทยยังใช้โมเดลเดิม จะเข้าข่าย “เปิดโอกาสให้คนภายนอกครอบงำพรรค” อาจผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีความผิดถึงขั้น “ยุบพรรค”
คุณสมบัติของว่าที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงต้องครบเครื่อง ทั้งเป็นสายตรงจาก “ชินวัตร” และเข้าใจบริบทการเมือง-แม่นยำข้อกฎหมาย ประนีประนอมกับฝ่ายอนุรักษนิยม เจรจากับ “ทหาร” ได้
ไม่เช่นนั้น จะต้องเผชิญหน้า “กับดัก” การเมือง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พรรคต้องตีแผ่ปัญหา บทเรียน กันอย่างตรงไปตรงมา เข้าใจตรงกันว่าอุปสรรคที่แท้จริงของพรรคคืออะไร กับใคร และต้องเลือกทางเดินที่ save ที่สุด” แหล่งข่าวคนสำคัญในพรรคเพื่อไทยกล่าว
แกนนำฝ่ายเพื่อไทยกล่าวหมายเหตุไว้ด้วยว่า ไม่ควรลืมว่าครั้งที่ “ทักษิณ” หนีคำพิพากษา 6 คดี ยังผลให้ “ยิ่งลักษณ์” ชนะการเลือกตั้ง
เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” หนีคดีจำนำข้าวและคดีอื่นอีก 10 คดี จะยังผลให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง อีกครั้งหรือไม่
การเมืองบริบทใหม่ จะยังให้คำตอบและบทเรียน “ทักษิณ ชินวัตร” ในการเลือกตั้ง เร็ว ๆ นี้ ?
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
EmoticonEmoticon