วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พระราชโอรส ร.5 ที่ถูกคำสั่งประหารชีวิต และต้องโทษกลายเป็น "นักโทษชายรังสิต"


กบฏพระยาทรงสุรเดช หรือ กบฏ 18 ศพ หรือ กบฏ พ.ศ. 2481 
เป็นเหตุการณ์กบฏอีกครั้งหนึ่งในประเทศไทย หลังจากการเปลี่ยนแปลงปกครอง พ.ศ. 2475

กบฏพระยาทรงสุรเดช เป็นเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2481 
(พ.ศ. 2482 ในปัจจุบัน เนื่องจากในสมัยนั้นการเปลี่ยนพุทธศักราชยังใช้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) 



เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างตัวของ หลวงพิบูลสงคราม กับพระยาทรงสุรเดช 
ตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475, 
การสนับสนุนพระยามโนปกรณ์นิติธาดา, กรณีกบฏบวรเดช 

และเหตุการณ์พยายามลอบสังหาร หลวงพิบูลสงครามติดต่อกันหลายครั้งก่อนหน้านั้น 
คือ การลอบยิง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 โดย นายพุ่ม ทับสายทอง 


ขณะที่เป็นประธานพิธีการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ, 

ครั้งที่ 2 ที่บ้านพักของตนเอง ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 โดย นายลี บุญตา คนรับใช้ที่สนิท 
ขณะที่หลวงพิบูลสงครามกำลังจะแต่งกายไปร่วมงานเลี้ยง
และวางยาพิษ 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปีเดียวกัน ขณะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับครอบครัว

เมื่อหลวงพิบูลสงคราม ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี 
สืบต่อจากพระยาพหลพลพยุหเสนา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 

พระยาทรงสุรเดช ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการโรงเรียนรบ จังหวัดเชียงใหม่ 
ได้นำนักศึกษาไปฝึกภาคสนามที่จังหวัดราชบุรี 

ได้ถูกคำสั่งให้พ้นจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำนาญ 
และบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งก็คือเขมรโดยทันที 
พร้อมด้วยร้อยเอกสำรวจ กาญจนสิทธิ์ ท.ส. ประจำตัว

ได้มีการกวาดล้างโดย หลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จับตายนายทหารคนสนิทของพระยาทรงสุรเดช 3 คน 

จับกุมผู้ที่ต้องสงสัย จำนวน 51 คน เมื่อเวลาเช้ามืดของวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2481 ประกอบด้วย 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร
พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) - อดีตแม่ทัพไทยในสงครามโลกครั้งที่ 1

พระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์ - อดีตรัฐมนตรี
พระวุฒิภาคภักดี

พันเอก พระสิทธิเรืองเดชพล (แสง พันธุประภาส) อดีตรัฐมนตรี
พันโท พระสุวรรณชิต (วร กังสวร)
ร้อยโท ณเณร ตาละลักษณ์ - นายทหารกองหนุน 
อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร ผู้เคยอภิปรายโจมตีพระยาพหลพลพยุหเสนาในสภา อย่างรุนแรง
ร้อยเอก หลวงภักดีภูมิภาค
ร้อยโท ชิต ไทยอุบล
หลวงสิริราชทรัพย์
นายดาบ ผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา - บุตรชายพระยาเทพหัสดิน
ร้อยโท เผ่าพงศ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา - บุตรชายพระยาเทพหัสดิน
นายดาบ พวง พลนาวี - ข้าราชการกรมรถไฟ พี่เขยพระยาทรงสุรเดช
พันเอก หลวงมหิทธิโยธี (สุ้ย ยุกตวิสาร) - ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกราชบุรี
ร้อยตรี บุญมาก ฤทธิ์สิงห์ - นายทหารประจำการ
พันเอก หลวงชำนาญยุทธศิลป์ (เชย รยะนันท์) - อดีตรัฐมนตรี
ร้อยเอก ขุนคลี่พลพฤนท์ (คลี่ สุทรารชุน) - นายทหารประจำกองบังคับการ ร.ร.รบ จังหวัดเชียงใหม่
พันตำรวจตรี ขุนนามนฤนาท (นาม ประดิษฐานนท์) - นายตำรวจประจำการ
พันตรี หลวงไววิทยาศร (เสงี่ยม ไววิทย์) - นายทหารประจำการ
นายทหารฝึกหัดราชการ ร.ร.รบ จังหวัดเชียงใหม่ ลูกศิษย์พระยาทรงสุรเดช
ร้อยเอก จรัส สุนทรภักดี
ร้อยโท แสง วัณณะศิริ
ร้อยโท สัย เกษจินดา
ร้อยโท เสริม พุ่มทอง
ร้อยโท บุญลือ โตกระแสร์
ร้อยเอก ชลอ เอมะศิริ - หลานชาย พันเอก พระยาฤทธิอัคเนย์ 1 ใน 4 ทหารเสือ
พลตรี หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล
นายโชติ คุ้มพันธ์ - อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร
พระยาวิชิตสรไกร

ต่อมามีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 20 กว่าคน เช่น 
นายเลียง ไชยกาล, นายมังกร สามเสน และนายทหารจากโรงเรียนรบ จังหวัดเชียงใหม่

หลวงพิบูลสงครามได้จัดตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดีเป็นการเฉพาะ 
มีหลวงพรหมโยธี เป็นประธาน ศาลพิเศษนี้ได้ตัดสินว่า 

มีการเตรียมการยึดอำนาจโดย พระยาทรงสุรเดช เป็นผู้นำ 
และตัดสินลงโทษประหารชีวิตนักโทษ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 จำนวน 21 คน คือ

นายลี บุญตา - คนรับใช้ในบ้านหลวงพิบูลสงคราม 
ที่เคยใช้ปืนไล่ยิงหลวงพิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481

พันโท พระสุวรรณชิต ร้อยโท ณเณร ตาละลักษณ์ นายดาบ พวง พลนาวี พลโท พระยาเทพหัสดิน
นายดาบ ผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร้อยโท เผ่าพงศ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
ร้อยตรี บุญมาก ฤทธิ์สิงห์ นายทง ชาญช่างกลพันเอก หลวงมหิทธิโยธี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร พันเอก หลวงชำนาญยุทธศิลป์
ร้อยเอก ขุนคลี่พลพฤนท์ พันตำรวจตรี ขุนนามนฤนาท
พันตรี หลวงไววิทยาศร พันเอก พระสิทธิเรืองเดชพล
จ่านายสิบตำรวจ แม้น เลิศนาวี ร้อยเอก จรัส สุนทรภักดี
ร้อยโท แสง วัณณะศิริ ร้อยโท สัย เกษจินดา
ร้อยโท เสริม พุ่มทรง 

ศาลพิเศษตัดสินปล่อยตัวพ้นข้อหาจำนวน 7 คน จำคุกตลอดชีวิตจำนวน 25 คน 
โทษประหารชีวิตจำนวน 21 คน 

แต่ให้เว้นการประหาร คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต 3 คน
เนื่องจากเคยประกอบคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ คือ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร
พลโท พระยาเทพหัสดิน
พันเอก หลวงชำนาญยุทธศิลป์

นักโทษการเมืองหมดถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำบางขวาง 
โดยนักโทษประหารชีวิต ถูกทยอยนำตัวออกมาประหารด้วยการยิงเป้าวันละ 4 คน 

ในเวลาเช้ามืด ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม พ.ศ. 2482 จนครบจำนวน 18 คน 
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ กบฏ 18 ศพ 

จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ถูกลงโทษทั้งหมด มีผู้ใดกระทำผิดจริงหรือไม่
เพราะถูกตัดสินโดยศาลพิเศษ ที่บรรดาผู้พิพากษาคือผู้ที่รัฐบาลแต่งตั้ง 
และไม่มีทนายจำเลยตามหลักยุติธรรม 

กบฏพระยาทรงสุรเดช คือการกบฏที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไร 
นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดกับหลวงพิบูลสงคราม 3 ครั้งดังกล่าวข้างต้น 

จึงมีความชัดเจนว่าอุบัติการนี้สร้างขึ้น
เพื่อหาเรื่องกำจัดบุคคลที่หลวงพิบูลสงครามเห็นว่าน่าจะเป็นศัตรูของตนเท่านั้น

นักโทษการเมืองที่เหลือได้รับอภัยโทษ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2487 
เมื่อนายควง อภัยวงศ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจากหลวงพิบูลสงคราม ที่หมดอำนาจลงก่อนจะสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 

ส่วนพระยาทรงสุรเดชถึงแก่กรรมอย่างยากไร้ในเขมร ก่อนหน้านั้นไม่นาน

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%8F%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A


http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2487/A/059/848.PDF


EmoticonEmoticon

ที่ดินทรัพย์สินส่วนสาธารณประโยชน์ และที่ดินกว่า 2600 ไร่ ขุมทรัพย์หลายแสนล้าน กลางกรุง!

ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สิน ฯ มีที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,060,000 ตารางวา หรือ 2,650 ไร่ โดยที่ดินผืนใหญ่ที่สุด 300 ไร่อยู...

กลับไปหน้าแรก