แหล่งข่าวจาก สนช.เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุม สนช.ลงมติเห็นชอบผ่านร่างพ.ร.ป.ป.ช.นั้น ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากในประเด็นการต่ออายุให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน มี พบ.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน เพราะ สนช.ได้ยกเว้นลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้แก่ประธานและกรรมการ ป.ป.ช.ล่าสุด ซึ่งครอบคลุม พล.ต.อ.วัชรพลด้วย แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ป.ป.ช. และ กรธ.จะไม่โต้แย้ง
แต่นายมีชัยได้ทำหนังสือถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ห่วงใยในประเด็นดังกล่าว ประกอบกับมาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องให้สมาชิกสนช. 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิก สนช.เท่าที่มีอยู่ สามารถเข้าชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น
“สมาชิกสนช.บางส่วนมีความเคลื่อนไหวจะเข้าชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว แต่ก็มีความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งมองว่าจะเป็นการฟอกตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าควรยื่นเพื่อให้ปัญหาสะเด็ดน้ำ ซึ่งทำให้สมาชิกจำนวนดังกล่าวกำลังชั่งน้ำหนักว่าจะเคลื่อนไหวต่อหรือไม่” แหล่งข่าวจาก สนช.ระบุ
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการชี้แจงประเด็นนาฬิกาหรูต่อ ป.ป.ช.โดยกล่าวอุทานออกมาว่า “โอ๊ย!” แล้วเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกทำเนียบรัฐบาลไปทันที
มีรายงานข่าวด้วยว่า ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมามอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตรอีกครั้ง โดยได้เตรียมนาฬิกามาจำนวน 3 เรือน เพื่อมอบให้ พล.อ.ประวิตร แต่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายเอกชัยไปพูดคุยที่ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
โดยนายเอกชัย กล่าวด้วยว่าว่า พล.อ.ประวิตรเป็นชายชาติทหาร แต่ไม่กล้ามาพบตน จึงไม่เข้าใจว่าเป็นชายชาติทหารประเภทใด หากเป็นรัฐบาลพลเรือนมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นคงอยู่ไม่ได้ คงต้องออกไปแล้ว ไม่ลาออกไปเอง ก็ถูกบีบให้ออก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเด็กตนก็จะตามไปมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตรต่อไป
EmoticonEmoticon