ข่าวเงินทอนวัดกำลังเป็นที่จับตามมอง แต่อาจทำให้สังคมสับสน ว่า เกิดอะไรขึ้น ทำให้ วัดใหญ่ หลายวัด และพระผู้ใหญ่หลายรูปของ วงการสงฆ์ไทย ถึงถูกกล่าวหา และถูกบุกจับ ในช่วงเช้ามืด ราวกับเป็นอาชญากรร้ายแรง ทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่อย่างใด
การกระทำดังกล่าว เป็นการทำลายศรัทธา ทำร้ายจิตใจของบรรดาพุทธศาสนิกชนหรือไม่ อย่างไร?
เลยต้องย้อนรอยไปดูเป้าหมายเดิมของ สนช.และกก.ปฏิรูปพระพุทธศาสนา ชุดนาย ไพบูลย์ นิติตะวัน นักธุรกิจที่ผันตัวมาสู่เส้นทาง นักการเมืองสายแต่งตั้ง ซึ่งก็พบร่องรอยเดิม ในเรื่อง การยึดอำนาจ เข้าควบคุม เงินวัด หลักฐานร่องรอยต่างๆ อาทิ เช่น
- “ไพบูลย์”ชง 2 กม.ปฎิรูปศาสนา ตั้งศาลพระวินิจฉัยพระธรรมวินัย-กม.จัดการทรัพย์สิน
matichon
-สปช. เสนอ 4 แนวทางปฏิรูปพุทธศาสนา
VoiceTV
- “กรรมการปฏิรูปศาสนา สปช.” เสนอ 4 แนวทางปฏิรูป-พิทักษ์กิจการพุทธศาสนา
bangkokbiznews
เป้าหมายแรกในทุกๆรายงานของนายไพบูลย์ นิติตะวัน คือ การจัดการทรัพย์สินมหาศาลของวัดไทย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ทั่ว
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่าทางคณะกรรมการฯ ได้ส่งรายงาน เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสตร์ ต่อ สปช. แล้ว
จากการประชุมหารือกันจำนวน 5 ครั้ง พบ 4 ปัญหาสำคัญ คือ
1.ทรัพย์สินของวัดหรือของพระสงฆ์ที่ไม่มีการตรวจสอบ หรือ การเปิดเผยทรัพย์สิน จนทำให้พระสงฆ์จำนวนมากมุ่งแสวงประโยชน์เข้าสู่ตนเองมากกว่าศึกธรรมและปฏิบัติธรรมตามแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
2.ปัญหาของสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จนกลายเป็นความเสื่อมศรัทธา ทั้งนี้มีสาเหตุจากปัญหาการปกครองของคณะสงฆ์ที่เป็นแบบรวมศูนย์ และ การศึกษาคณะสงฆ์
3.การทำให้พระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติปฏิบัติวิปริตจากพระธรรมวินัย เช่น กรณีของวัดพระธรรมกายที่มีแนวทางคำสอนที่ขัดแย้งกับพระธรรมวินัยที่ร้ายแรง โดยชักจูงประชาชนให้เชื่อว่า บุญ คือ สินค้า รวมถึงยังมีพฤติกรรมรับเงินบริจาคที่มาโดยมิชอบ ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้นต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อชำระการปฏิบัติที่เพี้ยนจากพระธรรมวินัย และ
4.ฝ่ายอาณาจักรต้องสนับสนุน ปกป้อง คุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสจักร โดยการจัดโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ที่มีความคล่องตัว
EmoticonEmoticon