" หลักฐานกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ นายสุมิตรชัยบอกว่ายังไม่ปรากฏในบัญชีพยานหลักฐานของฝ่ายอัยการ"
การกระทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
ใครปกปิด และทำไมต้องปกปิด หลักฐานชิ้นนี้ด้วย......
ใครมีส่วนร่วมในการปกปิดหลักฐานนี้ ไม่ให้นำขึ้นสู่การพิจารณคดี.....
แต่ความจริงจะต้องปรากฎในสักวันหนึ่ง เมื่อถึงที่สุด......
หลังการเสียชีวิต 6 เดือน ศาลจังหวัดเชียงใหม่เริ่มไต่สวนคดีการตายของนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวชาติพันธุ์ลาหู่ เป็นนัดแรก หลังถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนสงครามยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560
วันนี้ (4 ก.ย.) ศาลให้ไต่สวนพยานฝ่ายอัยการในฐานะผู้ร้อง รวม 3 ปาก ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ
นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ในฐานะทนายความฝ่ายผู้ตาย (นายชัยภูมิ) เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ....ได้แถลงขอเลื่อนนัดไต่สวนคดีการตายของนายชัยภูมิ เนื่องจากทนายความฝ่ายผู้ตายมาไม่ครบ แต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวน และเริ่มไต่สวนพยาน 3 ปากแรกของฝ่ายอัยการทันที
โดยฝ่ายอัยการได้ยื่นบัญชีพยานรวม 45 ปาก ขณะที่ทีมทนายฝ่ายนายชัยภูมิยื่นบัญชีพยานรวม 10 ปาก มีทั้งบิดา มารดา และน้องชายของนายชัยภมิ, พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ, ครูที่โรงเรียนที่จะมาเล่าประวัตินายชัยภูมิ
ส่วนหลักฐานกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ นายสุมิตรชัยบอกว่ายังไม่ปรากฏในบัญชีพยานหลักฐานของฝ่ายอัยการ โดยวันนี้อัยการได้ยื่นแสดงหลักฐานภาพถ่ายวันเกิดเหตุ และรถคันที่เกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งต้องรอดูอีกครั้งว่าในชั้นสืบพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะมีการนำหลักฐานส่วนนี้มาแสดงต่อศาลหรือไม่
"ทีมทนายฝ่ายผู้ตายได้ร้องขอต่อศาลให้นำหลักฐานกล้องวงจรปิดมาประกอบการไต่สวนแล้ว เพราะถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ แต่จนขณะนี้เรายังไม่เคยเห็น หากอัยการไม่นำขึ้นสืบพยานหลักฐาน เราก็จะขอให้ศาลออกหมายเรียกข้อมูลส่วนนี้ต่อไป" ทนายความฝ่ายนายชัยภูมิระบุ
..............................
วันเดียวกัน ศาลจังหวัดเชียงใหม่ยังมีกำหนดนัดไต่สวนคดีการตายของนายอะเบ แซ่หมู่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560 แต่ถึงเวลานัดพร้อมคู่ความ ปรากฏว่าทนายความในส่วนของบิดาผู้ตายติดภารกิจในจังหวัดอื่น ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล ศาลจึงให้เลื่อนนัดสืบพยานไปเป็นวันที่ 21-22 ธันวาคม และ 26 ธันวาคม 2560
นายปรีดา นาคผิว ทนายความในส่วนของมารดานายอะเบ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่าได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบพยาน 6 ปาก ขณะที่อัยการยื่นขอสืบพยาน 7 ปาก สำหรับพยานฝ่ายผู้ตายที่เตรียมขึ้นเบิกความ ประกอบด้วย บิดาและมารดาของนายอาเบ, พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์, ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดและอาวุธปืน และผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช
................................
นายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู และนายชัยภูมิ ป่าแส ชาวชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนสงครามยิงเสียชีวิตวันที่ 15 ก.พ. 2560 และ 17 มี.ค. 2560 ตามลำดับ โดยกล่าวหาว่าทั้งคู่มียาเสพติดในครอบครอง และขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารขอตรวจค้น ได้พยายามต่อสู้และใช้อาวุธตอบโต้เจ้าหน้าที่
................................
นายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู และนายชัยภูมิ ป่าแส ชาวชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนสงครามยิงเสียชีวิตวันที่ 15 ก.พ. 2560 และ 17 มี.ค. 2560 ตามลำดับ โดยกล่าวหาว่าทั้งคู่มียาเสพติดในครอบครอง และขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารขอตรวจค้น ได้พยายามต่อสู้และใช้อาวุธตอบโต้เจ้าหน้าที่
พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นคำร้องชันสูตรพลิกศพ (ไต่สวนการตาย) ทั้ง 2 กรณีต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องด้วยเหตุแห่งการตายของนายอะเบและนายชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่าได้กระทำในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อให้ทราบว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน อย่างไร และทราบถึงเหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
อย่างไรก็ตามผู้ปกครองของนายอะเบและนายชัยภูมิยังติดใจในเหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของบุตรชาย จึงร้องขอความช่วยเหลือจากองค์กรสิทธิมนุษยชนให้ช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยทนายผู้ตายมีสิทธิ ซักถามพยานในชั้นศาลได้
ที่มา :ฺฺBBC
EmoticonEmoticon