เปิดเผยเอกสารลับจากหนังสือร้องเรียนของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ อดีตรองอธิบดี DSI ซึ่งเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว ทำให้เห็นรายละเอียดและเหตุการณ์ที่เปรียบเสมือนคำสั่งล้าง "ตระกูลชินวัตร" รอบที่ 3
รายงานข่าวจากสื่ออ้างดีเอสไอเตรียมพิจารณาข้อมูลที่มีการเผยแพร่กันใหม่ เป็นเอกสารหนังสือร้องทุกข์ของอดีตรองอธิบดีดีเอสไอเรื่องถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม เนื้อความสำคัญระบุเหตุผลถูกย้ายเพราะไม่แจ้งข้อกล่าวหารับของโจรและฟอกเงินต่อพานท้องแท้ ชินวัตรและพวกจากคดีทุจริตธนาคารกรุงไทย
>>>>>> พ.ต.ท.สมบูรณ์ ได้รายงานผลการสอบสวนให้ พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี DSI ทราบ และได้มีการ ออกคำสั่ง "ล้างตระกูลชินวัตร" โดยมีรายละเอียดดังนี้.......
" ต่อมา พ.ต.อ. ไพสิฐ ได้เข้ามาพูดขอร้องข้าพเจ้าถึง 2 ครั้งว่า ให้ข้าพเจ้าแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายพานทองแท้ฯ โดยอ้างว่า "ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นเงินปากถุง แล้วจะไม่แจ้งข้อกล่าวหาได้อย่างไร" ซึ่งทุกครั้ง ข้าพเจ้าจะอธิบายว่า คณะพนักงานสอบสวนฯ เห็นว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่ก็จะนำความเห็นของอธิบดีกลับไปปรึกษากับคณะพนักงานสอบสวนฯ ก่อน พ.ต.อ.ไพสิฐ ได้ขอให้ ข้าพเจ้า ช่วยคุยกับพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย ฯลฯ "
"พลตำรวจโท ธีรจิตร์ฯ ได้พูด ขอให้ข้าพเจ้าแจ้งข้อกล่าวหา ฟอกเงิน กับนายพานทองแท้ฯ ข้าพเจ้าได้ชี้แจงว่า คณะพนักงานสอบสวนฯ เห็นว่าพยานหลักฐานที่มียังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ พลตำรวจโท ธีรจิตร์ฯ ได้บอกให้ข้าพเจ้า แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อน เพราะคดีอาญาเป็นระบบกล่าวหา ไม่ใช่ระบบไต่สวน แล้วให้นายพานทองแท้ฯ เอาพยานหลักฐานต่างๆ ไปแก้ข้อกล่าวหาเอง ฯลฯ "<<<<<<<<<
นสพ.ข่าวสด ลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมาอ้างแหล่งข่าวระบุว่าได้มีการเผยแพร่เอกสารที่เป็นสำเนาจดหมายร้องทุกข์ของพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอซึ่งเขียนไว้เมื่อ 29 พ.ย. 2559 ถึงประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เนื้อหาเป็นเรื่องการร้องทุกข์กรณีถูกสั่งย้ายออกจากตำแหน่งไปสังกัดสำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพ.ย. 2559 ว่าไม่เป็นไปตามขั้นตอน เร่งรีบผิดปกติ ลดบทบาท หน้าที่ และศักดิ์ศรีทำให้ได้รับความเสียหาย รวมทั้งคำสั่งไม่มีเหตุผลอันสมควรรองรับ ตามเนื้อความในสำเนาจดหมายร้องทุกข์ที่นสพ.นำมาลงอ้างว่า ก่อนคำสั่งโยกย้าย พ.ต.ท.สมบูรณ์เองมีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มพยานคดีพิเศษที่ 36/2550 ทั้งที่หนึ่งในข้อหานั้นหมดอายุความไปแล้ว
จดหมายร้องทุกข์ท้าวความถึงคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยกรณีให้สินเชื่อแก่บริษัทกฤษฎามหานคร โดยพ.ต.ท.สมบูรณ์รับหน้าที่เป็นประธานคณะพนักงานสอบสวนชุดที่สาม มีอัยการ เจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษา กลุ่มบุคคลที่ถูกสอบสวนคือผู้รับเช็ค 269 ปาก โดยมีบุคคลในกลุ่มการเมืองประกอบด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร นางเกษิณี จิปิภพ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหินและนายมานพ ทิวารีรวมอยู่ด้วย จดหมายกล่าวระบุรายละเอียดของประเด็นการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายพานทองแท้และนายวันชัยไว้ด้วยว่าเป็นเรื่องของการซื้อขายหุ้นบริษัทช.การช่าง กับกรณีการร่วมทุนระหว่างผู้ต้องหาในคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยกับนายพานทองแท้ แต่จากการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนในเวลานั้นยังไม่พบหลักฐานการกระทำผิด
อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังดำเนินการสอบสวน พ.ต.อ.สมบูรณ์ได้รับแจ้งจากนายตำรวจที่ขัดแย้งกันให้แจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินแก่นายพานทองแท้ หลังจากนั้นยังมีการเรียกตัวพ.ต.อ.สมบูรณ์ไปพูดคุยถึงสองครั้งโดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อผลักดันให้พ.ต.อ.สมบูรณ์แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว แม้พ.ต.อ.สมบูรณ์จะยืนยันว่าหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ได้รับแจ้งให้ฟ้องไปก่อน “เนื่องจากคดีอาญาเป็นระบบกล่าวหาไม่ใช่ระบบไต่สวน” แล้วให้นายพานทองแท้นำหลักฐานไปแก้ข้อกล่าวหาเอง ในการประชุมครั้งที่สองเมื่อ 5 ต.ค.2559 บุคคลที่เข้าร่วมประชุมระบุให้แจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินและรับของโจรกับนายพานทองแท้กับพวกอีกสามคน แต่พ.ต.ท.สมบูรณ์แจ้งที่ประชุมว่าข้อหารับของโจรนั้นขาดอายุความไปแล้ว ส่วนข้อหาฟอกเงินจะนำกลับไปให้ทีมงานสอบสวนพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ทีมพนักงานสอบสวนของพ.ต.อ.สมบูรณ์พิจารณาแล้วลงมติให้แขวนเรื่องของนายพานทองแท้และพวกไว้ก่อน แต่ในเวลาต่อมา พ.ต.ท.สมบูรณ์ก็ถูกสั่งย้ายออกจากตำแหน่งตามคำสั่งของกระทรวงยุติธรรมเมื่อ 1 พ.ย. 2559 เนื้อความในจดหมายร้องทุกข์ระบุขอให้มีการยกเลิกคำสั่งโยกย้ายพร้อมกับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมและเยียวยาด้วย
ที่มา:Voice TV
การบิดเบือนกฎหมาย ไม่ใช่หน้าที่ผู้รักษากฎหมา ย
- - - - - - - - - -
มาตรา 200 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแห น่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักง านผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมาย อาญา กระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคล ใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน ้อยลงต้องระวางโทษจำคุกตั้ง แต่หกเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถ ึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้ นเป็นการเพื่อ จะแกล้งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีกา ร เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำต้ องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหร ือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่ส ิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบา ทถึงสี่หมื่นบาท
- - - - - - - - - -
มาตรา 200 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแห
ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
จากเอกสารร้องทุกข์ของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ (คดีปล่อยกู้กรุงไทย มีธงสั่งให้ เล่นงาน พานทองแท้ )
ซึ่งคำร้องบรรยายเหตุปัจจัย และพยานไว้โดยละเอียด
จนถึงขนาดระบุว่ามีพนักงานสอบจะขอลาออกจากราชการ หากยืนยันเอาผิดแจ้งข้อกล่าวหาตามธง ไม่ใช่เพราะเขาจะปกป้องพานทองแท้ แต่เพราะเขายึดถือยืนหยัดในหลักการต้องการรักษาความยุติธรรม
ทุกคนต้องเสมอหน้ากันใต้กฎหมาย
โดยกฎหมายนั้นต้องเป็นกฎหมายที่โปร่งใส
เป็นกฎหมายโดยชอบธรรม และเพื่อให้ความเป็นธรรม
โดยกฎหมายนั้นต้องเป็นกฎหมายที่โปร่งใส
เป็นกฎหมายโดยชอบธรรม และเพื่อให้ความเป็นธรรม
พ.ต.ท.สมบูรณ์ ได้รายงานผลการสอบสวนให้ พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี DSI ทราบ
" ต่อมา พ.ต.อ. ไพสิฐ ได้เข้ามาพูดขอร้องข้าพเจ้าถึง 2 ครั้งว่า ให้ข้าพเจ้าแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายพานทองแท้ฯ โดยอ้างว่า "ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นเงินปากถุง แล้วจะไม่แจ้งข้อกล่าวหาได้อย่างไร" ซึ่งทุกครั้ง ข้าพเจ้าจะอธิบายว่า คณะพนักงานสอบสวนฯ เห็นว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่ก็จะนำความเห็นของอธิบดีกลับไปปรึกษากับคณะพนักงานสอบสวนฯ ก่อน พ.ต.อ.ไพสิฐ ได้ขอให้ ข้าพเจ้า ช่วยคุยกับพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย ฯลฯ "
"พลตำรวจโท ธีรจิตร์ฯ ได้พูด ขอให้ข้าพเจ้าแจ้งข้อกล่าวหา ฟอกเงิน กับนายพานทองแท้ฯ ข้าพเจ้าได้ชี้แจงว่า คณะพนักงานสอบสวนฯ เห็นว่าพยานหลักฐานที่มียังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ พลตำรวจโท ธีรจิตร์ฯ ได้บอกให้ข้าพเจ้า แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อน เพราะคดีอาญาเป็นระบบกล่าวหา ไม่ใช่ระบบไต่สวน แล้วให้นายพานทองแท้ฯ เอาพยานหลักฐานต่างๆ ไปแก้ข้อกล่าวหาเอง ฯลฯ "
เครดิค: รูปภาพจาก เพจ ฯ กูต้องได้ 100 ล้าน
EmoticonEmoticon