วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

คลิปเล่าเรื่อง: เบื้องหลังความตายโรฮิงญา (ุ6คลิป)


อะไรคือ เรื่องราวของเบื้องหลังความตายโรฮิงญา  ลองดูคลิปต่างๆเหล่านี้ แล้วบอกตัวเองว่า...
ทำไมต้อง ฆ่าพวกเขา........

เบื้องหลัง ชาติพันธุ์โรฮิงญา

เรื่องที่ชนชั้นปกครองของพม่าและคนพม่าชั้นกลางๆลงมา ตราบชั่วฟ้าดินสลายก็ไม่มีวันให้อภัยโรฮินญา ผมไม่ค่อยเห็นเพจไหนเอามาเล่ามาเขียนเลยนะ ..วันนี้ผมจะเล่าเองก็แล้วกัน ..

พม่ากับอังกฤษนั้น รบกันครั้งใหญ่ๆอยู่3ครั้ง ครั้งที่เกี่ยวพันกับโรฮินญา ที่สร้างความ
เจ็บช้ำให้คนพม่ามากๆคือครั้งที่สงคราม อังกฤษ-พม่า ครั้งที่1 สมรภูมิรบคือ บริเวณป่าริมน้ำนอกเมือง มัณฑะเลย์ (ยุคนั้น มัณฑะเลย์ คือเมืองหลวงของพม่านะครับ) แม่ทัพใหญ่ของพม่าในเวลานั้นคือ มหาเสนาบดี มหาบัณฑุละ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดั่งในด้านการรบทัพจับศึกไปทั้งพุกามประเทศ เพราะเคยนำทัพรบชนะจีนมาแล้ว 

ฝ่ายพม่า เมื่อรู้ข่าวว่าอังกฤษส่งเรือรบล่องมาตามแม่น้ำอิระวดี มหาเสนาบดีจึงสั่งทหารไปสร้างป้อมวางปืนใหญ่ไว้ริมน้ำเป็นตับนับร้อยกระบอก เพื่อดักยิงสกัดเรือรบอังกฤษไม่ให้เข้าถึงพระนครหลวงได้ แม้นปืนใหญ่อังกฤษบนเรือจะดีกว่าของพม่าหลายขุมนักก็ตามที แต่ด้วยจำนวนที่เสียเปรียบขนาดนี้ กองทัพอังกฤษจึงไม่เสี่ยง และหยุดเรือนอกระยะยิงของป้อมปืนพม่า จากนั้นอังกฤษก็เปลี่ยนยุทธวิธีเดินทัพใหม่ ..ไคลแมกซ์อยู่ตรงนี้ครับ ..

ทหารราบเรดโค๊ดและอื่นๆของอังกฤษบนเรือรบทั้ง5ลำนั้น มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 1300 นาย เดิมที่เดียวตามแผนเดิมนั้น อังกฤษต้องการเพียงส่งเรือทั้ง5ลำนี้มายิงถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์(ตั้งอยู่ในกำแพงเมืองริมแม่น้ำอิระวดี)เพื่อบีบราชสำนักพม่าให้ยอมรับข้อเจรจาเท่านั้น ไม่ได้หวังรบแตกหักกับกองทัพพม่าแต่อย่างใด 

แต่เมื่อเรือรบไม่สามารถฝ่าป้อมริมน้ำมาได้ อังกฤษจึงเปลี่ยนแผนเป็นเดินทัพทางบกแทนเพื่อจะเข้าตีป้อมริมน้ำเหล่านั้นก่อน เพราะอำนาจกำลังรบหลักของอังกฤษคือ ปืนใหญ่บนเรือรบ ต้องใช้อำนาจนี้บีบพม่าเท่านั้น ถึงจะชนะ จึงต้องส่งทหารราบเข้าทำลายป้อมเหล่านี้ เพราะปืนใหญ่ที่อยู่นป้อมล้วนหันปากกระบอกไปทางแม่น้ำทั้งนั้น และป้อมก็ไม่สามารถหันกลับได้ ทหารราบอังกฤษซึ่งใช้อาวุธปืนเป็นหลัก สามารถเอาชนะทหารพม่าที่ใช้แต่ดาบ-หอกและธนูที่มีพลมากกว่าได้แน่นอน แต่...

มหาเสนาบดีพม่า ทราบข่าวศึกที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ก่อน จึงรีบระดมพลออกมาตั้งทัพ เตรียมสร้างแนวรุกเพื่อหวังบดขยี้กองทหารอังกฤษ 1300คน ด้วยกำลังพลถึง 60000 คนไม่นับช้างศึกม้าศึกทันที แต่(อีกแล้ว)..

ทหารอังกฤษเคยชินกับยุทธวิธีทางทหารอยู่2แบบเท่านั้นคือ ไม่ว่ารบกับอินเดีย หรือรบกับชาติไหนๆที่ผ่านมาก็ตามคือ..

1.เอาเรือรบยิงถล่มนวดก่อน แล้วส่งทหารราบลงจากเรือไปบุกซ้ำหรือไปยึด 

2.ส่งทหารลงจากเรือ ไปสร้างป้อมค่ายบนบก แล้วใช้เรือรบส่งกำลังบำรุงและยิงสนั
บสนุนตลอดการสู้รบ 

แต่นี่คือครั้งแรกของทหารอังกฤษ ที่บุกเข้ามาลึกถึงชานเมืองหลวงของพม่า ปัญหาที่เกิดคือ กองทหารอังกฤษไม่รู้จักภูมิประเทศแถบนี้ ถ้าเข้าป่าก็หลงแน่ๆ และยังไม่เคยมีข้อมูลพื้นที่แถบนี้ อีกทั้งข่าวที่ได้รับแจ้งมาก็คือ กองทัพพม่ากำลังพล6หมื่น กำลังรอบดขยี้กองทหารอังฤษอยู่ที่นอกชายป่าอีกด้าน 

ถ้าเล่าต่อแล้วยาวกว่านี้อีกนะ ถึงตรงนี้แล้วทุกๆท่านน่าจะเดาออกว่า ใคร ที่เป็นผู้แก้ปัญหาเหล่านี้ให้กองทหารอังกฤษได้ 

1.นำทางให้กองทหารอังกฤษเข้าทำลายป้อมริมน้ำ และชี้เป้าให้เรือรบอังกฤษ บอกความลับทางการทหารพม่าให้ทหารอังกฤษรู้ว่า กองทัพของมหาเสนาบดีมีพลมาก มีช้างมีม้าเยอะ จะไม่สะดวกเดินทัพเข้าป่า แต่จะเดินทัพมาตามริมน้ำ

2.เกณฑ์พวกตนและพันธมิตร(ทหารซีปอยพื้นเมือง)มาเข้าร่วมรบสนับสนุนกองทหารอังกฤษถึงอีก 2500 นาย

3.เป็นคนคุ้มกันและนำทางให้กองทหารปืนครกของอังกฤษไปหาระยะยิงถล่มป้อมปืนชายน้ำอิรวดีจนราบคาบทุกป้อมได้ 

ทายสิครับ พวกไหนที่อาสามาช่วยให้ทหารอังกฤษ 1300 นาย เรือรบ5ลำ สามารถเอาชนะกองทัพพม่าที่มีกำลังพล 60000 ได้ในเวลาแค่3-4วันเท่านั้น จนทำให้อังกฤษได้ดินแดนภาคกลางและใต้ของพม่าไปทั้งหมด ??

จะไม่ให้ลูกหลานชนชั้นปกครองของพม่าในเวลาต่อมารุ่นต่อรุ่น อาฆาตแค้นคนพวกนี้ได้อย่างไร ??

เครดิต: จเด็ด สิบทิศ

ความรู้สึกของชาวพม่าพื้นเมืองต่อ โรฮิงญา

"โรฮิงญา" จับอาวุธต่อต้านรัฐบาลเมียนมา


บันทึกลับโรฮิงญา (พากย์ไทย)


การทารุณกรรมโรฮิงญา

การฆาตกรรมโรฮิงญา




EmoticonEmoticon

ที่ดินทรัพย์สินส่วนสาธารณประโยชน์ และที่ดินกว่า 2600 ไร่ ขุมทรัพย์หลายแสนล้าน กลางกรุง!

ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สิน ฯ มีที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,060,000 ตารางวา หรือ 2,650 ไร่ โดยที่ดินผืนใหญ่ที่สุด 300 ไร่อยู...

กลับไปหน้าแรก