ยุคที่รอบตัวถูกล้อมไปด้วย “ดิจิทัล” การดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถจัดการธุรกรรม แผนการใช้ชีวิตที่ยุ่งยากในแต่ละวันให้จบในเวลาอันสั้น ดังนั้น การมาของฟินเทค หรือเทคโนโลยีด้านการเงิน ทำให้วันนี้ผู้คนใช้ชีวิตง่ายขึ้น
‘โมบาย แบงกิ้ง’ เป็นตัวอย่างสำคัญที่เราสัมผัสได้แล้ว แต่แล้วธุรกรรมการเงินจะถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อ“เงินดิจิทัล” หรือ “บิทคอยน์” (BitCoin) มีแนวโน้มจะกลายเป็นเงินสกุลหลักในการทำธุรกรรมทั่วโลก
บิทคอยน์ คือ สกุลเงินในรูปแบบดิจิทัล ใช้วิธีการเข้ารหัส (Cryptocurrency) ตัวย่อสกุลเงิน คือ BTC ถูกสร้างและเก็บมูลค่าไว้ในโลกออนไลน์ที่มีเทคโนโลยีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการโดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใดๆ ใช้แทนเงินสดซื้อสินค้า บริการต่างๆ วันนี้บิทคอยน์ทั่้วโลกเริ่ม “ส่งเสียงดัง” ขึ้น หลายประเทศให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มสังคมออนไลน์ ขณะที่บางประเทศอย่างญี่ปุ่นตามร้านอาหารต่างๆ มีป้ายรับสกุลเงินบิทคอยน์ หรือรายงานข่าวจากบีบีซี เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า บางโรงเรียนใน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็รับเงินสกุลบิทคอยน์ สำหรับจ่ายค่าเล่าเรียน
แท้จริง บิทคอยน์ ไม่ได้เพิ่งถูกยอมรับ แต่บิทคอยน์ เคยถูกนำไปใช้ในหลายๆ ร้านค้าเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ บางร้านค้าให้ส่วนลดซื้อสินค้า เมื่อชำระด้วยบิทคอยน์ด้วยซ้ำ ในสหรัฐอเมริกา พบว่า มีการออก บิทคอยน์ กิฟท์ การ์ด ด้วยการบรรจุเงินบิทคอยน์ลงในการ์ดเหมือนบัตรเดบิต และนำไปชำระสินค้า แน่นอนว่า ร้านค้าชื่อดังยินดีรับ ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Target, Walmart และ Nike
แต่เพราะบิทคอยน์ ไม่ใช่สกุลเงินที่จับต้องได้เหมือนธนบัตรที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาล ไม่มีใครเป็นเจ้าของบิทคอยน์ ไม่มีกฏเกณฑ์กำกับ มุมมองของคนในอุตสาหกรรมการเงินโลกส่วนใหญ่จึงมองว่า บิทคอยน์ ยังเป็นเงิน “สีเทาๆ” ที่ไม่มีกฏหมายรองรับอย่างเต็มภาคภูมิ เลยยังแพร่หลายอยู่ในธุรกิจเฉพาะกลุ่ม หรือเป็นเครื่องมือเก็งกำไรในระยะสั้นๆ เท่านั้น
ข้อมูลจาก bitcoin.com ระบุถึงวิธีการได้มาซึ่งบิทคอยน์ ด้วยวิธีการ “ขุด” (mining) จากระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องรันบนซอฟต์แวร์โดยเฉพาะของเครือข่ายบิทคอยน์ และเริ่มขุดด้วยการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์(ที่ซับซ้อน) ให้ได้ ดังนั้น สเปคเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเทพระดับหนึ่ง พร้อมลุยสมรภูมิขุดเงินดิจิทัลร่วมกับคนทั่วโลก ถ้าทำสำเร็จคุณจะได้เป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่คุณขุดขึ้นมาได้เอง
ซึ่งในประเทศไทย คุณอาจไม่จำเป็นต้องลงมือ ‘ขุด’ เอง เพราะมีเว็บไซต์แลกเปลี่ยน ซื้อขายบิทคอยน์เกิดขึ้นมากมายแค่เสิร์ชในกูเกิลก็เจอ ส่วนบิทคอยน์ในตลาดโลก มีตู้ ATM เพื่อรับซื้อขายแลกเปลี่ยนบิทคอยน์กับเงินตราสกุลหลักต่างๆ แล้วทั่วโลก เว็บไซต์ ebay.com ระบุว่า วันนี้มีมากกว่า 100 บริษัท/ร้านค้า ที่ยอมรับบิทคอยน์ เช่น 1–800–FLOWERS ร้านดอกไม้ชื่อดังในสหรัฐอเมริกา , Apple’s App Store, Dell บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ , Expedia.com ออนไลน์ ทราเวลชื่อดัง, Home Depot ร้านจำหน่ายเครื่องใช้สำนักงานชื่อดัง , Reddit ชอปปิงสารคดี บทความระดับพรีเมียม โดยจ่ายเป็นบิทคอยน์ได้ , Victoria’s Secret , Subway , รวมถึงค่ายเกมออนไลน์ต่างๆ ที่คุณต้องมีบิทคอยน์ซื้อไอเทมในเกม
และแน่นอนว่า คุณสามารถสั่งพิซซ่าร้านดังๆ ของโลก และจ่ายเป็นบิทคอยน์ได้ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่า กลุ่ม บริการหลักๆ ที่รับบิทคอยน์ จะอยู่ในกลุ่มบริการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มห้างสรรพสินค้าชอปปิงออนไลน์ รวมถึงบริษัทที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที ซอฟต์แวร์ชื่อดังของโลก ล้วนแต่เป็นบริการที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น
ขณะที่ในญี่ปุ่น คาดว่า จะมีอีกมากกว่า 260,000 ร้านค้าที่ยอมรับบิทคอยน์ แต่อาจมีข้อกำหนดว่า ต้องซื้อสินค้าคิดเป็นเงินเยนเท่าไหร่ จึงจะชำระเป็นบิทคอยน์ได้ วิธีการชำระด้วยบิทคอยน์ สามารถชำระผ่านคิวอาร์โค้ด (QR code) เพียงแสดงบัญชีบิทคอยน์ที่คุณมี ผ่านสมาร์ทโฟนที่ดาวน์โหลด “bitcoin wallet app“ ก็แค่นั้น
สำหรับแนวโน้มบิทคอยน์ในไทย แม้จะมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลมากมาย มีเว็บไซต์รับแลกและซื้อบิทคอยน์ แต่ความแพร่หลายยังอยู่ในวงจำกัด เป็นการบ้านสำคัญสำหรับหน่วยงานด้านการเงินในไทย โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเงินสกุลดิจิทัลเหล่านี้ ที่ไม่ได้มีแค่บิทคอยน์อย่างเดียว แต่ยังมีเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆ เกิดขึ้นอีกไม่น้อย ที่ยังไร้กฏหมายรองรับ
สิ่งหนึ่งที่พูดถึงกันมากของ บิทคอยน์ คือ ความผันผวนที่่มีมากกว่าเงินสกุลใดๆ ในโลก เพราะแค่เวลาไม่ถึงเดือน ราคาบิทคอยน์สามารถขยับเพิ่มขึ้นเป็น 50% และสามารถร่วงหล่นลงมาได้ในระยะใกล้เคียยงกันในระดับ 30–40% เลยทีเดียว จนถึงวันนี้ในไทย 1 บิทคอยน์ น่าจะทะลุไปที่ระดับมากกว่า 80,000 บาทแล้ว
ที่มาภาพ fortunedotcom
EmoticonEmoticon