ป.ป.ท.รุดสอบปมร้องทุจริตโครงการ 9101
วันที่ 23 ก.ย. 60 นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานป.ป.ท.เขตพื้นที่ต่างๆ ตรวจสอบข้อร้องเรียนว่ามีการทุจริตในโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน โดยให้เริ่มต้นตรวจสอบจากข้อร้องเรียนจากประชาชน ที่ยื่นร้องเรียนเป็นบัตรสนเท่ห์เข้ามาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของป.ป.ท.และช่องทางรับเรื่องร้องเรียนที่รัฐบาลได้จัดไว้แล้วขยายผลการตรวจสอบไปยังจุดต่างๆที่มีการร้องเรียนทุจริต พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการแต่ละพื้นที่ให้เกิดความโปร่งใส
สำหรับโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของเกษตรกรในระดับฐานราก และช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการสนับสนุนเงินลงทุนเริ่มต้นให้กับเกษตรกรในชุมชน 9,101 แห่ง แห่งละ 2.5 ล้านบาท รวม 22,800 ล้านบาท โดยคาดการณ์จะมีเกษตรกรได้ประโยชน์ 4 ล้านคน จากจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรประมาณ 5-6 ล้านคน โดยแต่ละชุมชนจะต้องเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อยชุมชนละ 500 คน ในแต่ละโครงการเกษตรกรจะต้องดำเนินการ 8 โครงการ ตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การทำฟาร์มชุมชน การเลี้ยงสัตว์เล็ก การทำประมง และการปรับปรุงบำรุงดิน
โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ เป็นโครงการใหม่ของรัฐบาล คสช.
รัฐบาลทุ่มงบลงไปกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท แจกฟรี ให้กลุ่มเกษตรกร
ทั่วประเทศ 9,101 กลุ่ม ได้รับเงินไปลงทุนทดลอง
ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท
ทั่วประเทศ 9,101 กลุ่ม ได้รับเงินไปลงทุนทดลอง
ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท
ครึ่งหนึ่งจ่ายเป็นค่าแรงงานเกษตรกร กลุ่มละ 1.25 ล้านบาท
อีกครึ่งหนึ่งจ่ายเป็นค่าจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การฝึกอบรม
อีกกลุ่มละ 1.25 ล้าน
อีกครึ่งหนึ่งจ่ายเป็นค่าจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การฝึกอบรม
อีกกลุ่มละ 1.25 ล้าน
กำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย
และมีความประพฤติดีกลุ่มละ 500 คน ให้ร่วม กันประชุมหารือ
จะฝึกอบรมพัฒนา การเกษตรด้านใด
เช่น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง หรืออบรมการปรับปรุงคุณภาพดิน
หรือทดลองทำฟาร์มเกษตรชุมชน ฯลฯ
และมีความประพฤติดีกลุ่มละ 500 คน ให้ร่วม กันประชุมหารือ
จะฝึกอบรมพัฒนา การเกษตรด้านใด
เช่น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง หรืออบรมการปรับปรุงคุณภาพดิน
หรือทดลองทำฟาร์มเกษตรชุมชน ฯลฯ
เกษตรกรยังไม่ทันได้ประชุมปรึกษาหารือกันเอง
กลับมีข้าราชการรวบหัวรวบหางเอาพ่อค้ารับเหมาจัดโครงการ
และจัดหาอุปกรณ์ต่างๆครบวงจร โดยเกษตรกรไม่มีส่วนร่วม
อะไรเลย แถมตั้งราคาขายแพงกว่าราคาตลาด
กลับมีข้าราชการรวบหัวรวบหางเอาพ่อค้ารับเหมาจัดโครงการ
และจัดหาอุปกรณ์ต่างๆครบวงจร โดยเกษตรกรไม่มีส่วนร่วม
อะไรเลย แถมตั้งราคาขายแพงกว่าราคาตลาด
เช่น เครื่องพ่นยาตั้งราคาเครื่องละ 13,000 บาท
แต่ราคาตลาดซื้อได้แค่ 3,000 บาท
แต่ราคาตลาดซื้อได้แค่ 3,000 บาท
แม้แต่ “ขี้ไก่” ที่ใช้ผลิตปุ๋ยหมัก ยังขายราคากิโล 4 บาทขาดตัว
บางพื้นที่มีเกษตรกรร่วมโครงการไม่ถึง 500 คน
แต่กลับเบิกจ่ายค่าแรงเกษตรกรเต็มโควตา 500
แต่กลับเบิกจ่ายค่าแรงเกษตรกรเต็มโควตา 500
เมื่อก่อนด่านักการเมืองโกงกิน ยุคนี้ไม่มีนักการเมือง มีแต่ทหาร
แต่ข่าวทุจริตวินาศสันตะโร มีทุกวัน ยิ่งกว่าสมัยนักการเมือง
แต่ข่าวทุจริตวินาศสันตะโร มีทุกวัน ยิ่งกว่าสมัยนักการเมือง
วันนี้(4 ส.ค.60)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจาก ชาวบ้าตำบลตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่า ข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านต้องยอมรับชะตากรรมที่เจ้าหน้าที่เกษตร และผู้รับเหมาใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการ 9101 ตามร้อยเท้าพ่อ ส่อทุจริต ขี้วัว+ขี้ควาย ชาวบ้านขาย ก.ก.ละ 2 บาท ก็ดีใจแต่ไม่ได้ขาย แต่ขี้วัว+ขี้ควาย+ดินเหนียว ผู้รับเหมาบังคับใช้กรรมการซื้อกิโลละ 4 บาท โดยเกษตรเป็นผู้หาผู้รับเหมามาให้ อ้างว่าด่วน ผู้ใหญ่ขอมาต้องซื้อราคานี้ ขี้ไก่ชาวบ้านขาย ก.ก.ละ 2 บาทก็ดีใจแล้วแต่ไม่ได้ขาย แต่ขี้ไก่และแกลบดิบ ผู้รับเหมาบังคับกรรมการซื้อกิโลละ 4 บาท ราคาแกลบเผาโรงงานที่โรงไฟฟ้า ขายกิโลละ 50 สต. แต่ผู้รับเหมาให้คณะกรรมการกิโลละ 4 บาท เงินที่ซื้อวัสดุ จำนวน 1 ล้านบาทกว่า คิดว่าประโยชน์เท่าไหร่ ผู้รับเหมาได้เงินเท่าไหร่ เคยร้องเรียน ปปช. ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ก็แล้ว เรื่องยังเงียบ ขอให้ผู้สื่อข่าวที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน ช่วยตีแผ่ความจริงเรื่องนี้ด้วย
EmoticonEmoticon