วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

นายดิสธร วัชโรทัย ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการเนื่องจากมีความชั่วอย่างร้ายแรง

สำนักพระราชวังได้มีคำสั่งให้นายดิสธร  วัชโรทัย ออกจากราชการ  ทั้งนี้เนื่องจากเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เช่น ทำการฉ้อโกงเครื่องราชฯ, ทำการแอบอ้างพระปรมาภิไธยนำเข้ารถยนต์จาก ต่างประเทศ, มีความสัมพันธ์ฉันชุ้สาวกับหญิงอื่น, บังคับให้หญิงอื่นที่สัมพันธ์ด้วยไปทำแท้ง, ฉ้อโกงทรัพย์ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เป็นต้น    

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 




รำลึกเรื่องราวของ นายดิสธร  วัชโรทัย (คุณใหม่) ผู้ใกล้ชิด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ประสบชะตากรรมกลายเป็น ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการ เพราะเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง......



เรื่องราวประทับใจในกล่องความทรงจำของ ดร.ดิสธร วัชโรทัย ที่ได้โอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่ปฏิบัติมาอย่างยาวนานกว่า 28 ปี

“เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อนมากที่สุดในชีวิต การที่พวกเขาได้เห็นว่าคนที่ให้ความช่วยเหลือคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่คือกำลังใจมหาศาล…”
ความหนึ่งของบุรุษไปรษณีย์ที่ชื่อว่า ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ที่ได้มารับบทบาทหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่ง ดร.ดิสธรบอกว่า เปรียบได้กับบุรุษไปรษณีย์ผู้นำความช่วยเหลือและความห่วงใยจากพระเจ้าแผ่นดินไปส่งให้คนไทย เป็นหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและทำให้เห็นว่า คนไทยโชคดีเหลือเกินที่มีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก
“สำหรับงานในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ผมมักเปรียบเทียบตัวเองเป็นบุรุษไปรษณีย์ เพราะเราเป็นผู้นำความช่วยเหลือและความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปพระราชทานให้แก่ราษฎร เป็นงานที่ทำให้ผมเดินทางเยอะ โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ในหนึ่งปีจะเดินทางรอบประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 4 ครั้งรวมระยะทางต่อปีได้หลายพันกิโลเมตร”
การทำงานนี้ นับว่าเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ซึ่งดร.ดิสธรบอกว่าจะพบกันเสมอเมื่อเมื่อใดก็ตามที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ โดยมีสื่อกลางที่แทนความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่พระราชทานให้กับประชาชนก็คือ “ถุงยังชีพ”
“สิ่งของในถุงยังชีพอาจไม่ได้มีราคาแพง แต่ความปลาบปลื้มที่เกิดในใจนั้นมากมายเหลือเกิน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนคนกำลังจมน้ำ แต่มีมือยื่นลงไปช่วย นั่นคือพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือตัวแทนที่พระองค์ท่านส่งไป เวลาผมลงพื้นที่แล้วได้เห็นแววตาของชาวบ้านที่ได้รับถุงพระราชทาน จะรู้สึกได้ทันทีว่าพวกเขามีความสุข ความหวัง และกำลังใจในการต่อสู้มากขึ้นสำหรับการทำงานในพื้นที่ อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นหลักทำงานแบบบูรณาการ โดยให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็นศูนย์กลางที่จะชักชวนคนเก่ง ๆจากหลายหน่วยเข้ามาทำงานร่วมกัน ฉะนั้นเมื่อไรก็ตามที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ลงพื้นที่ สังเกตได้ว่าจะมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ ตามไปด้วย”
การรับหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์มากว่า 28 ปี ดร.ดิสธรยังได้เล่าถึงความประทับใจมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ.2540
“ตอนน้ำท่วมใหญ่ทั้งจังหวัดชุมพรเมื่อปีพ.ศ. 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ผมเดินทางไปที่นั่นเพื่อเร่งรัดขุดคลองระบายน้ำหัววัง – พนังตักให้เสร็จภายใน 3 เดือน เนื่องจากพายุลินดากำลังจะซัดเข้ามาอีกระลอก ตอนนั้นทีมงานทุกคนทำงานไม่มีหยุดพัก ไม่เพียงเรื่องการระบายน้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหาแนวทางป้องกันด้วยโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริหรือแก้มลิงหนองใหญ่ จากวันนั้นถึงวันนี้ น้ำยังไม่เคยท่วมตัวจังหวัดชุมพรอีกเลย เหตุการณ์ในครั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรที่ยาวไกลมีรับสั่งว่า ถ้าน้ำท่วมแล้วเราไปช่วยเขาทุกปี ต้องลงทุนปีละหลายร้อยล้านบาท แต่การสร้างแก้มลิงหนองใหญ่ใช้เงินไม่กี่สิบล้านบาท แต่ความเสียหายรุนแรงไม่เกิดขึ้นอีก”
ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของพระองค์ ทำให้ประเทศไทยเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งกว่าจะเป็นรูปร่างได้นั้น ล้วนแต่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มามากมาย ยิ่งในสมัยก่อนการคมนาคมยังไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร
“ในช่วงที่ผมเข้ามาถวายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศบ่อยเท่าสมัยก่อน ยังมีหมายกำหนดการบ้าง แต่ผมไม่ได้อยู่ในขบวนนั้นเพราะมีหน้าที่รับผิดชอบงานเบื้องหลังที่เรียกว่า Back Room มีหน้าที่กำหนดเส้นทางโดยเริ่มแรกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดจุดให้ก่อนว่าจะเสด็จฯไปที่ไหนบ้าง หน้าที่ผมคือ ไปสำรวจพื้นที่ล่วงหน้าถ่ายรูปมาถวายให้ทอดพระเนตร แต่ถึง
เวลาจริงทรงออกนอกเส้นทางบ้าง โดยรับสั่งว่า ให้เดินเลยไปตรงนี้อีกหน่อย ผมก็ทำตามพระราชประสงค์ และสิ่งที่ผมและคนไทยได้เห็นจากภาพพระราชกรณียกิจจนชินตาคือ เวลาเสด็จฯลงพื้นที่ พระบาท-
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่ถือพระองค์เลยราษฎรถวายน้ำ พระองค์ท่านก็เสวยและรับสั่งด้วยอย่างเป็นกันเอง”
นอกจากเรื่องราวที่น่าเป็นความทรงจำอันมีค่าเหล่านี้แล้ว ดร.ดิสธร ได้บอกว่าเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษากว่า 60 พรรษา ทรงเล่าและพระราชทานวิธีคิดให้หลายเรื่องๆ ซึ่งเป็นคำสอนที่ยังจดจำมาถึงทุกวันนี้
“ผมเข้ามาถวายงานในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษากว่า 60 พรรษา ไม่ใช่ยุคสมัยที่ทรงงานหนัก แต่ทรงเล่าและสอนวิธีคิดให้ผมในหลาย ๆ เรื่อง เช่นการเทน้ำ คุณเคยสังเกตไหม เวลาเทน้ำบนโต๊ะเรียบ ๆ น้ำจะรวมตัวอยู่เฉย ๆ แต่เมื่อใดที่เราใช้มือลากน้ำให้ไปทางขวา น้ำจะไหลตามไปทางขวา ทั้ง ๆ ที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ถามว่า ทำไมเป็นแบบนั้น…นั่นเพราะน้ำมีตัวนำ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมแม่น้ำเจ้าพระยาถึงได้คดไปคดมา ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ราบ เพราะฉะนั้นใครขุดร่องน้ำไปทางไหนน้ำก็ไปทางนั้น นี่คือสิ่งที่พระองค์สอนให้ผมคิด
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสอันแสนวิเศษนี้ ในฐานะของประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ผมได้นำความห่วงใยและความปรารถนาดีของพระองค์ท่านไปสู่ประชาชนทั้งประเทศ ในยามที่เขาได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ผมยังได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยในการทำงานส่วนพระองค์หลายเรื่องหลายอย่าง ทั้งบริษัทสุวรรณชาด แล้วคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ท่านผิดหวัง นั่นคือสิ่งที่ภาคภูมิใจ หรือวันนี้ที่ได้พระมหากรุณาธิคุณจากข้าราชการระดับ 3 กระทั่งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง ผมก็พยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดในทุก ๆ วันตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีที่ผมได้ถวายงาน มีเหตุการณ์ประทับใจมากมายเต็มไปหมด แต่เรื่องหนึ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษ และถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสทำงานกับพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เคยคิดถึงพระองค์เองเลย มีแต่จะทรงคิดทำอะไรให้ประชาชนประเทศไทยเราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก”
คนไทยโชคดีเหลือเกินที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยให้แก่แผ่นดินนี้


EmoticonEmoticon

ที่ดินทรัพย์สินส่วนสาธารณประโยชน์ และที่ดินกว่า 2600 ไร่ ขุมทรัพย์หลายแสนล้าน กลางกรุง!

ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สิน ฯ มีที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,060,000 ตารางวา หรือ 2,650 ไร่ โดยที่ดินผืนใหญ่ที่สุด 300 ไร่อยู...

กลับไปหน้าแรก